กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ออกเอกสารข่าวชี้แจง กรณี ปรากฏการเผยแพร่ข่าวสารในสื่อสาธารณะว่า นายณฐพร โตประยูร 1 ใน 14 ผู้ถูกกล่าวหา คดีฟอกเงินการขายที่ดินของ นายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น วงเงิน 477 ล้านบาท ซึ่งกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) มีความเห็นสั่งฟ้อง ผู้ต้องหา 14 ราย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2560 แต่สำนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 สำนักงานอัยการสูงสุด ยังไม่มีความเห็นสั่งฟ้องคดีต่อศาล และเรียกร้องให้ กรมสอบสวนคดีพิเศษ ชี้แจงความคืบหน้าในส่วนของคดีอาญาดังกล่าว นั้น
กรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้ตรวจสอบแล้วพบว่า กรณีดังกล่าวเป็นคดีพิเศษที่ 42/2559 กล่าวหา นายศุภชัยฯ กับพวก รวม 14 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน” ตามมาตรา 5 มาตรา 9 มาตรา 10 มาตรา 60 และมาตรา 61 แห่งพระราชบัญญัติป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน พ.ศ. 2542 โดยสอบสวนเสร็จสิ้น และมีความเห็นควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ส่งสำนวนให้พนักงานอัยการไปเมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีพิเศษ 4 ได้พิจารณาสำนวนแล้วมีคำสั่งฟ้องนายศุภชัยฯ กับพวก รวม 14 คน ในความผิดฐาน “ร่วมกันฟอกเงินและสมคบกันฟอกเงิน” และมีการฟ้องผู้ต้องหาบางราย ต่อศาลและสืบพยานแล้ว
สำหรับ นายณฐพรฯ พนักงานอัยการมีการนัดหมายให้ไปพบเพื่อฟังคำสั่ง แต่ไม่ได้ไปตามนัดหมายจนวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568 พนักงานอัยการจึงมีหนังสือให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จัดการให้ได้ตัวนายณฐพรฯ มายื่นฟ้องต่อศาล ภายในอายุความ 15 ปี นับแต่วันกระทำความผิด
พนักงานสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้ออกหมายเรียกนายณัฐพรให้มาพบเพื่อนำตัวส่งพนักงานอัยการ จำนวน 3 ครั้ง และต่อมา ผู้ต้องหาได้มีหนังสือ ฉบับลงวันที่ 2 เมษายน พ.ศ 2568 แจ้งคณะพนักงานสอบสวนคดีพิเศษทราบว่า ได้รายงานตัวกับพนักงานอัยการแล้ว พร้อมแนบสำเนาหนังสือที่มีถึงอธิบดีอัยการคดีพิเศษขอให้เลื่อนนัดหมายฟ้องคดีเนื่องจากอยู่ระหว่างขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด
จนวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 สำนักงานอัยการคดีพิเศษ ได้มีหนังสือขอให้พนักงานสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการเพื่อให้ได้ตัวนายณฐพรฯ มาเพื่อฟ้องอีกครั้งหนึ่ง ซึ่ง คณะพนักงานสอบสวนพิเศษได้นัดหมายให้ นายณฐพรฯ มาพบพนักงานสอบสวนเพื่อเดินทางไปพบพนักงานอัยการ ภายในวันที่ 28 พฤษภาคมนี้ หากไม่มาพบตามหมายเรียก ก็จะได้ดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป อันเป็นการดำเนินการต่อเนื่องตามคำสั่ง ของพนักงานอัยการ มิได้เป็นไปตามที่ปรากฎเป็นข่าวแต่อย่างใด จึงประชาสัมพันธ์มาเพื่อทราบโดยทั่วกัน