‘สวนดุสิตโพล’ เผยผลสำรวจ เรื่อง ‘การเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติ’

8 ก.ย. 2567 - 03:40

  • ‘สวนดุสิตโพล’ เผยผลสำรวจ เรื่อง ‘การเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติ’

  • ด้านความเชื่อมั่น ‘พรรคประชาชน’ มาเป็นอันดับ 1 ร้อยละ 30.73 ขณะที่ ‘พรรคเพื่อไทย’ ตามมาติด ร้อยละ 22.38

  • เชื่อทุกอย่างต้องฝ่าด่าน ‘บ้านใหญ่’

Dusit-Poll-on-Local-Elections-and-National-Elections-SPACEBAR-Hero.jpg

‘สวนดุสิตโพล’ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศเฉพาะผู้ที่เคยไปใช้สิทธิเลือกตั้ง ท้องถิ่น เรื่อง ‘การเลือกตั้งท้องถิ่นกับการเลือกตั้งระดับชาติ’ กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,149 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-6 กันยายน 2567 สรุปผลได้ ดังนี้ 

1) ประชาชนคิดว่าการเลือกตั้งท้องถิ่นมีความสำคัญมากน้อยเพียงใด 

อันดับ 1 สำคัญมาก 57.88% 

อันดับ 2 ค่อนข้างสำคัญ 38.47% 

อันดับ 3 ไม่ค่อยสำคัญ 3.48% 

อันดับ 4 ไม่สำคัญ 0.17% 

2) ประชาชนอยากให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นนำเสนอนโยบายด้านใดบ้าง 

อันดับ 1 พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและการคมนาคมในชุมชน 72.58% 

อันดับ 2 แนวทางการแก้ปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม ฝุ่น น้ำท่วม ฯลฯ 70.32% 

อันดับ 3 ส่งเสริมการศึกษา สถานศึกษาในท้องถิ่น 64.06% 

3) ประชาชนคิดว่าปัจจัยใดที่มีอิทธิพลมากที่สุดต่อการตัดสินใจเลือกผู้สมัครในการเลือกตั้งท้องถิ่น 

อันดับ 1 นโยบายของผู้สมัคร 67.42% 

อันดับ 2 ประวัติและผลงานในอดีตของผู้สมัคร 65.77% 

อันดับ 3 การลงพื้นที่หาเสียง 62.80% 

4) ประชาชนเห็นด้วยหรือไม่ว่า ผลการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่เกี่ยวข้องกับผลการเลือกตั้งระดับชาติ

อันดับ 1 ไม่เห็นด้วย 52.13% 

อันดับ 2 เห็นด้วย 47.87% 

5) ประชาชนเชื่อมั่นพรรคการเมืองใดในการทำงานแก้ปัญหาท้องถิ่นมากที่สุด 

อันดับ 1 พรรคประชาชน 30.73% 

อันดับ 2 พรรคเพื่อไทย 22.38% 

อันดับ 3 พรรคภูมิใจไทย 13.19% 

อันดับ 4 พรรคพลังประชารัฐ 10.67% 

อันดับ 5 พรรคชาติไทยพัฒนา 8.82% 

อันดับ 6 พรรคไทยสร้างไทย 7.89% 

อันดับ 7 พรรคประชาธิปัตย์ 6.32% 

‘พรพรรณ บัวทอง’ ประธานสวนดุสิตโพล ระบุว่า ผลโพลสะท้อนให้เห็นว่าประชาชนมองการเลือกตั้งท้องถิ่นและการเลือกตั้งระดับชาติมีทั้งเกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกัน โดยอาจมีความเชื่อมโยงกันทางการเมือง และการสนับสนุนของพรรคและบทบาทของบ้านใหญ่ก็มีผลต่อการเลือกตั้ง ด้านพรรคประชาชนนอกจากมีกระแสในการเลือกตั้งระดับชาติแล้ว ก็ยังมีกระแสในการเลือกตั้งท้องถิ่นเช่นกัน แต่หากพรรคไม่สามารถล้มบ้านใหญ่ได้ก็อาจจะยากในสนามแข่งขัน 

ด้าน ‘ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัญชลี รัตนะ’ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตร์ โรงเรียนกฎหมายและการเมือง มหาวิทยาลัยสวนดุสิต อธิบายว่า การปกครองส่วนท้องถิ่น ถือเป็นรากฐานที่สำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยและเป็นการปกครองที่อยู่ใกล้ชิดกับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศมากที่สุด ดังนั้นในการเลือกตั้งท้องถิ่น ประชาชนจึงมักจะเลือกโดยตัดสินใจจากความสัมพันธ์ระดับปัจเจกเป็นอันดับแรก ไม่ใช่กระแสของพรรคการเมืองระดับชาติ โดยเฉพาะการเลือกในระดับสมาชิก ผู้สมัครที่ได้รับเลือกต้องเป็นคนประเภทเรียกง่าย ใช้คล่อง เป็นพี่น้องพวกพ้องที่รู้จักกัน ส่วนการเลือกตั้งผู้นำองค์กรในตำแหน่งนายก มักพิจารณาจากบารมีส่วนบุคคลที่ประชาชนในพื้นที่รู้สึกว่าสามารถพึ่งพาอาศัยได้ในทุกสถานการณ์แบบใจถึง พึ่งได้

“ยิ่งสถานการณ์ที่ระบบราชการมีอำนาจเข้มแข็ง แต่อำนาจของประชาชนในการต่อรองหรือแสดงความคิดเห็นมีน้อย ยิ่งทำให้ระบบบ้านใหญ่เติบโต เพราะประชาชนมักต่อรองผ่านอำนาจบารมีของบ้านใหญ่ในพื้นที่เป็นหลัก การทำงานผ่านกระแสพรรค หรือกระแสของการเมืองระดับชาติ จึงไม่สามารถฝ่าด่านบ้านใหญ่ได้โดยง่าย แต่ต้องอาศัยการทำงานเชิงความคิดร่วมกับเครือข่ายหรือคนในพื้นที่อย่างต่อเนื่องจึงเกิดมรรคผลเป็นรูปธรรม”

ผู้ช่วยศาสตราจารย์อัญชลี กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์