การจัดประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 3 วาระสำคัญที่ต้องจับตาดูในวันนี้ คือการเลือกตั้งคณะกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ที่การประชุม 2 ครั้งก่อนล่มไม่เป็นท่า
อย่างไรก็ดี ท่าทีของผู้ลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอย่าง ‘วทันยา บุนนาค’ หรือ ‘มาดามเดียร์’ ยังออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนด้วยท่าทีมั่นใจพร้อมกับข้อกังวลในบางประการ ระบุว่า มาถึงจุดนี้ เกินสิ่งที่คิดว่าจะแพ้หรือชนะ เป็นการสู้ให้ถึงที่สุดและทำให้ดีที่สุด เพื่อเอาจิตวิญญาณของพรรคประชาธิปัตย์กลับมาให้ได้
ส่วนจะสามารถดึงเสียงกลุ่ม 21 สส.ได้กี่คนนั้น ยังไม่ทราบ คิดเพียงว่าเราทำให้ดีที่สุด ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็พร้อมยอมรับและไม่ค้างคาใจ ทั้งนี้ยังไม่ได้พูดคุยกับผู้ใหญ่ในพรรค เชื่อว่าทุกคนล้วนมีเหตุผลส่วนตัวไม่อาจก้าวล่วงได้
สำหรับการตัดสินใจลงสมัครหัวหน้าพรรค ถือเป็นการตัดสินใจส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการที่ไปคุย หรือไปรวมเสียง สส.มา ทั้งนี้ หลังการเลือกตั้งจะทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ จะขอประเมินอีกครั้งว่า อุดมการณ์และวิถีทางที่เชื่อและศรัทธาในพรรคประชาธิปัตย์ จะยังเหมือนเดิมหรือไม่ ส่วนการทำงานร่วมกับพรรคหรือเข้าเป็นทีมงาน ขอประเมินก่อน แต่จะขอไม่รับตำแหน่งใดๆ จนกว่าจะเห็นวิถีทางที่ชัดเจน
วทันยา ยอมรับไม่มั่นใจว่าจะผ่านมติโหวต 3 ใน 4 เพื่อยกเว้นคุณสมบัติ แต่หวังว่า พรรคประชาธิปัตย์จะมีความเป็นประชาธิปไตยและเสรีภาพทางความคิด ยืนยันว่าไม่ได้มาเป็นตัวแทนของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์
เดียร์มาด้วยความตั้งใจทำงานระยะยาว มาด้วยอุดมการ ไม่ใช่ผลประโยชน์ ไม่คิดว่าจะย้ายไปไหน หากพรรคเปลี่ยนไปก็เป็นเรื่องที่ต้องตัดสินใจอีกครั้ง
วทันยา บุนนาค
ขณะที่ ‘เฉลิมชัย ศรีอ่อน’ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถูกผู้สื่อข่าวสอบถามถึงประเด็นการตัดสินใจรับมติ 21 สส.หนุนชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ โดยเฉลิมชัย กล่าวเพียงสั้นๆ ว่า “ให้ที่ประชุมตัดสิน ให้ประชุมเสร็จก่อนแล้วกัน”
ด้าน ‘ชวน หลีกภัย’ สส.บัญชีรายชื่อ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ได้ชี้แจงถึงกระแสข่าวที่มีการเสนอชื่อ ‘อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ’ ให้นั่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ว่า ถึงเวลาจะบอก ส่วนความกังวลที่ 21 สส.ยืนยันว่าจะสนับสนุนเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคนั้น ก็เป็นไปตามกระบวนการเลือกหัวหน้าพรรค เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับ การเลือกหัวหน้าพรรคไม่ใช่ความขัดแย้งอย่างที่เข้าใจกัน บางครั้งก็ไม่มีปัญหา ขอให้กำลังใจทุกคนที่แข่งขันกัน
เพียงแต่ใครก็ตามที่เป็นหัวหน้าพรรค ขอให้ยึดอุดมการณ์พรรคการเมืองบริสุทธิ์ และซื่อสัตย์สุจริต ที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับการยอมรับว่าเป็นสถาบันทางการเมือง ไม่ใช่เพราะมีอายุยาวกว่าคนอื่น แต่เพราะเรายึดสิ่งเหล่านี้ เพราะเมื่อไรที่พรรคการเมืองที่คดโกง หรือโกงทั้งโคตร ถึงจะอายุยาวเท่าไรก็ไม่มีใครยอมรับเป็นสถาบันทางการเมืองได้ ดังนั้น ผู้บริหารพรรค จึงสำคัญมากที่จะนำพรรค ต้องมองถึงประโยชน์ประเทศชาติและอนาคตของประชาธิปไตย ไม่ใช่เพื่อเอาตัวรอดอย่างเดียว
ชวน หลีกภัย
เมื่อถามว่าเฉลิมชัย เป็นหัวหน้าพรรคจะนำทำทัพไปได้หรือไม่ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย กล่าวว่า อยู่ที่ผลแล้วกันว่าเป็นอย่างไร สมาชิกเลือกใครเป็นหัวหน้าก็เป็นไปตามที่สมาชิกต้องการ
