วันนี้ (5 ก.พ.) ที่ศาลแขวงดุสิต อดีต 5 แกนนำพรรคอนาคตใหม่ นำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ , พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ , ปิยบุตร แสงกนกกุล , พรรณิการ์ วานิช และ ไพรัฏฐโชติก์ จันทรขจร ได้เดินทางมารับฟังคำพิพากษาในคดีแฟลชม็อบค้านยุบพรรคอนาคตใหม่ ที่จัดขึ้นเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.62 บริเวณสกายวอร์ก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 17.00 - 18.00 น. ในข้อหาจัดการชุมนุมโดยผิดกฎหมาย เนื่องจากไม่แจ้งขอจัดการชุมนุมต่อเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นความผิดตาม พ.ร.บ.การชุมชนสาธารณะ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาโดยใช้เครื่องขยายเสียง
โดยทันทีที่ อดีต 5 แกนนำพรรคอนาคตใหม่เดินทางมาถึงศาลแขวงดุสิต พบว่ามีกลุ่มผผู้สนับสนุนจำนวนหนึ่งได้เดินทางมารอมอบดอกไม้เพื่อเป็นกำลังใจกับแกนนำ โดยธนาธร ไพรัฏฐโชติก์ และพรรณิการ์ได้เดินเข้ามารับดอกไม้จากกลุ่มผู้สนับสนุน ขณะที่พิธาและปิยบุตรได้เดินแยกขึ้นไปที่ศาลก่อน
ขณะที่ ‘ชัยธวัช ตุลาธน’ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และเป็นหนึ่งในผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ที่วันนี้ได้เดินทางมาให้กำลังใจ พร้อมกับอดีต 5 แกนนำพรรคอนาคตใหม่ด้วย ได้ทำหน้าที่เป็นผู้ให้สัมภาษณ์ตอบคำถามสื่อ
‘ชัยธวัช’ มั่นใจว่าคดีนี้อดีตแกนนำพรรคอนาคตใหม่จะเป็นฝ่ายชนะ แต่หากศาลตัดสินว่าผิดฝ่ายกฎหมายก็จะยื่นอุทธรณ์ และเชื่อว่าคดีที่เกิดขึ้นจะไม่กระทบต่อเรื่องการเมืองแต่อย่างใด ซึ่งพิธาและธนาธร รวมถึงทุกคนก็สบายใจดี ไม่ได้มีความกังวลอะไร เพราะคิดว่าการออกมาในชุมนุมช่วงนั้น เป็นการแสดงออกทางการเมืองตามสิทธิและเสรีภาพของประชาชนที่พึงมี
เมื่อถามว่าในอนาคตหากพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล แล้วมีผู้ชุมนุมออกมาต่อต้านสามารถทำได้หรือไม่ ‘ชัยธวัช’ ย้ำว่า พรรคยึดหลักเรื่องสิทธิทางการเมืองของพลเมือง ซึ่งเป็นหลักการพื้นทางของรัฐธรรมนูญที่แม้จะมีความคิดเห็นไม่ตรงกัน ก็ไม่ควรถูกละเมิดหรือจำกัดสิทธินี้
