









‘สนธิ ลิ้มทองกุล’ อดีตแกนนำพันธมิตรเพื่อประชาธิปไตย และ ‘ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์’ พร้อมมวลชน เข้ายื่นหนังสือทวงถามความคืบหน้าให้รัฐบาลดำเนินการยกเลิก MOU 44 และ JC 44 ขัดหรือแย้งต่อพระบรมราชโองการฯ และฝ่าฝืนต่อบทบัญญัติกฎหมาย สุ่มเสี่ยงต่อการเสียเอกราชธิปไตย สิทธิอธิปไตย และบูรณภาพแห่งทะเลอาณาเขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งมี ‘สมคิด เชื้อคง’ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นผู้มารับหนังสือแทน
สำหรับข้อเรียกร้องที่ได้ยื่นไปแล้ว ให้คณะรัฐมนตรีเสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยว่า ขัดหรือแย้งต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และให้คณะรัฐมนตรีมีการเจรจากับประเทศกัมพูชาเพื่อยกเลิก MOU 44 และ JC 44 รวมถึงระงับการแต่งตั้งคณะกรรมการร่วมทางเทคนิค จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัย และมีการดำเนินการให้ถูกต้องตามบทบัญญัติของกฎหมาย และขอให้จัดเวทีสาธารณะให้แก่ประชาชน ซึ่งจะมาทวงถามหลังจากครบ 15 วัน
สนธิ กล่าวว่า การแสดงออกของนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ทำให้เห็นแล้วว่า จงใจละเลยต่อหน้าที่ในการรักษาไว้ซึ่งเอกราชอธิปไตย บูรพาแห่งทะเลอาณาเขต เขตต่อเนื่อง และเขตไหล่ทวีป ซึ่งประเทศไทยมีสิทธิอธิปไตยในการสำรวจ และแสวงหาทรัพยากรธรรมชาติในทะเลด้านอ่าวไทย ถือเป็นการกระทำที่ละเลยต่อหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และทำการสนับสนุนการกระทำความผิดที่จะทำให้ประเทศไทยหรือส่วนหนึ่งส่วนใดของราชอาณาจักรไทย ต้องส่งไปอยู่ในอธิปไตยของรัฐต่างประเทศ ทั้งยังเห็นว่า คณะรัฐมนตรีมีพฤติการณ์บางประการ ดูเหมือนคบคิดกับผู้นำของประเทศกัมพูชาด้วยความประสงค์ที่เป็นปรปักษ์ต่อรัฐ
หากนายกรัฐมนตรียังไม่สามารถ ตอบคำถามให้เป็นที่น่าพอใจต่อกลุ่มมวลชนได้หลังปีใหม่จะมีการยกระดับกลุ่มมวลชนลงถนนทั้งที่รัฐสภาและกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมฝากถึงนายกรัฐมนตรี ‘แพทองธาร ชินวัตร’ ว่า ขอให้อ่านหนังสือเยอะๆ
ส่วนวันนี้บรรลุวัตถุประสงค์พอสมควร การเดินทางของกลุ่มมวลชนต่อไป จะเรียกร้องทุกเรื่องที่เกี่ยวกับชาติบ้านเมือง ด้วย ‘มูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง’ และมี ‘แพทย์หญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์’ อดีต สว. และ ‘คมสัน โพธิ์คง’ ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายปกครอง
การก่อตั้งมูลนิธิยามเฝ้าชาติบ้านเมือง จะเรียกร้องไม่ใช่เพียง MOU44 เท่านั้น เพราะมีหลายประเด็นที่เหมือนเอาเท้าขยี้กฎหมาย เช่น ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ปัญหาเขากระโดง และปัญหาต่างด้าว โดยมีพรรคประชาชนชักศึกเข้าบ้าน