เรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ตได้ไม่น้อย เมื่อ อดีตว่าที่นายกรัฐมนตรี อย่าง ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ เดินทางไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อร่วมงานกาลาดินเนอร์ TIME100 NEXT จากนิตยสาร TIME หลังจากเจ้าตัวได้รับการคัดเลือกเป็น 1 ใน 100 ผู้นำสร้างการเปลี่ยนแปลง ผู้ทรงอิทธิพลแห่งอนาคต ประจำปี 2023 ซึ่งนับเป็นความภาคภูมิใจอย่างหนึ่ง หลังการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ที่ได้รับเสียงจากประชาชนแบบถล่มทลาย
แม้จะไร้ตำแหน่งทางการเมืองในเวลานี้ แต่ทันทีที่ ‘พิธา’ ก้าวถึงมหานครนิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ยิ่งทำให้กระแสด้อมกระหึ่มขึ้นมาอีกครั้ง กับเซตภาพที่เรียกว่า ‘แฟชั่นวีค’ ก็คงไม่ผิดนัก เพราะดูแบบผิวเผินคลับคล้ายพระเอกซีรีส์ก็ไม่ปาน

‘พิธา’ ย้ำตั้งแต่ก่อนเดินทางมาสหรัฐอเมริกาแล้วว่า ไม่ใช่เพียงแค่การมาร่วมงานของนิตยสาร TIME แต่ต้องการขอบคุณ ‘คนไทยในต่างแดน’ ที่ช่วยกันออกมาลงคะแนนเลือกตั้ง พร้อมพูดคุยสอบถาม รวมถึงพบปะกับชาวต่างชาติที่มีศักยภาพและความสามารถในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับชาวไทย
ถือว่า งานนี้ ‘พิธา’ เดินสายน่าดู ทั้งการให้สัมภาษณ์กับสื่อต่างประเทศ เรื่องการส่งเสริมให้ประเทศไทยกลายเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ผ่าน 3Ds การทลายทุนผูกขาด การกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น และการลดอำนาจและบทบาทของกองทัพในการเมือง
‘พิธา’ พบปะคนหลายวงการในสหรัฐอเมริกา จนถึงวันสุดท้ายก่อนบินกลับไทย ยังจัดงาน Meet & Greet ณ กรุงวอชิงตัน ดีซี ที่มีเหล่าแฟนคลับมาพบปะให้กำลังใจแบบใกล้ชิด ยิ่งสะท้อนความนิยมในตัว ‘พิธา’ ที่ยังไม่เสื่อมคลายแม้แต่คนไทยที่อยู่ต่างประเทศ

ภาพการออนทัวร์ของ ‘พิธา’ สะท้อนอะไร?
อ.ยุทธพร อิสรชัย นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ มองว่า การเคลื่อนไหวนอกสภาของ ‘พิธา’ เป็นการรักษาพื้นที่ทางการเมืองของตัวเอง แม้จะไม่รู้ว่า อนาคตทางการเมืองจะเป็นอย่างไร แต่ก็ต้องรักษาฐานในรูปแบบของ ‘เซเลป’ ไม่ว่าจะเป็นการโพสต์รูปเดินหล่อๆ ในต่างประเทศ การพบปะพูดคุยกับคนทุกกลุ่ม รวมถึงแฟนคลับของตัวเองด้วย เพราะหากไม่สร้างพื้นที่ทางการเมือง ก็อาจจะทำให้ กระแส ‘พิธา’ เงียบหายไปเลย

การเคลื่อนไหวของ ‘พิธา’ แย่งซีน ‘เศรษฐา-อุ๊งอิ๊ง’ หรือไม่
นักวิชาการด้านรัฐศาสตร์ เชื่อว่า ไม่ถึงขั้นแย่งซีน เพราะ ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ก็มีปัญหาตรงที่ไม่สามารถมีบทบาทเป็นผู้นำตัวจริงได้ ขณะที่ ‘อุ๊งอิ๊ง’ แพทองธาร ชินวัตร ยังมีความใหม่ทางการเมืองและคงต้องรักษาเนื้อรักษาตัว จึงไม่ถึงขั้นที่จะบอกว่ามาแย่งซีนของทั้ง 2 คนนี้ได้ แต่เป็นการแสวงหาพื้นที่ทางการเมืองของ ‘พิธา’ เสียมากกว่า

จาก ‘ว่าที่นายกฯ’ สู่ ‘เซเลปการเมือง’
อ.ยุทธพร เห็นว่า กระแส ‘พิธา’ อ่อนลงไปมาก เพราะภาพของ ‘พิธา’ จะเป็นในรูปแบบ ‘กึ่งดารา’ มากกว่า การสร้างพื้นที่ข่าวจึงเป็นไปในเชิง ‘เซเลปการเมือง’ เพราะพื้นที่ทางการเมือง ไม่ได้จำกัดว่า ต้องเป็น ‘ข่าวการเมือง’ แต่ ‘ข่าวบันเทิง’ ก็เป็นการเมืองได้ นี่คือการหยิบ ‘จุดเด่น’ ของตัวเองขึ้นมารักษาฐาน นอกจากนี้ การที่ ‘พิธา’ มีทีมพีอาร์เพื่อส่งข่าวส่งภาพของ ‘พิธา’ คนเดียวโดยเฉพาะ ก็คือหนึ่งในกลยุทธ์ทางการเมือง ที่เป็นกลยุทธ์ของ ‘ศิลปินดารา’ ใช้ในการโปรโมทตัวเอง ซึ่งนักการเมืองในอดีตไม่มีการรักษาพื้นที่ในรูปแบบนี้ ดังนั้น จึงเรียก ‘พิธา’ ว่าเป็น ‘เซเลปการเมือง’ ได้เลย

อ.ยุทธพร ยังมองว่า ปรากฏการณ์เคลื่อนไหวนอกสภาของบุคคลสำคัญที่ไม่ได้มีตำแหน่งทางการเมือง ไม่ได้ปรากฎแค่กับ ‘พิธา’ และ ‘ก้าวไกล’ แต่ยังมีการเคลื่อนไหวนอกสภาของพรรคอื่นๆ อาทิ ของ ‘อุ๊งอิ๊ง’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ที่ไม่ได้เป็น สส. หรือแม้แต่ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็น สส. แต่กลับไม่ได้ร่วมสัมมนา สส. โดยอ้างว่า ขาแพลง ซึ่งปรากฏการณ์นี้ สะท้อนภาพให้เห็นว่า นี่คือ ‘ความล้มเหลว’ ของสถาบันทางการเมืองในประเทศไทย เพราะสุดท้ายการเมืองเป็นสิ่งที่ต้องมาพูดคุย ‘นอกสภา’ ทั้งนั้น