โละฉากทัศน์พิสดาร ผ่านดีลรักหวานชื่น?

31 พ.ค. 2566 - 11:12

  • อ่านปรากฏการณ์ก่อนเกิดรักหวานชื่น ศึกชิงเก้าอี้ ‘ประธานสภาฯ’ และกระแสแว่วตามลมสู่ฉากทัศน์จับมือข้ามขั้ว แล้วการเปลี่ยน ‘ดีลลับ’ เป็น ‘ดีลรัก’ เป็นไปได้แค่ไหน?

Guidelines-for-forming-a-government-of-the-Democratic-Coalition-SPACEBAR-Hero
เสียงลงคะแนนให้กับพรรคการเมืองฝากฝั่งเสรีนิยมประชาธิปไตย รวมกันได้กว่า 24 ล้านเสียง ผลักดันส่งขุนพลทั้งหน้าใหม่หน้าเก่าเข้าสภาอันทรงเกียรติจำนวน 312 เสียง เกินครึ่งหนึ่งของสภาล่างไปได้ไม่น้อย แต่ยังหืดขึ้นคอเผชิญด่านหฤโหด จากรัฐธรรมนูญ ปี 2560 ที่ผูกมัดให้ ‘วุฒิสภา’ มีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกฯ ซึ่งหากจะเมินเสียง ส.ว. จำเป็นต้องได้ ส.ส. เกินกึ่งหนึ่งของสภาทั้งหมด คือ 376 เสียง  

‘พรรคก้าวไกล’ ในฐานะหัวเรือใหญ่ก็ชีพจรอ่อนไหว ถูกนักร้องทั่วสารทิศพยายามตัดสายน้ำเกลือ จากปมถือหุ้นสื่อ ITV ของ ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ว่าที่นายกรัฐมนตรีของพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาล ที่หวั่นซ้ำรอยไปไม่ถึงฝั่งฝันเยี่ยง ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ไม่นับรวมประเด็นบาดหมางกับ ‘พรรคสีแดง’ กรณีช่วงชิงบัลลังก์ศักดิ์สิทธิ์ ‘ประธานสภาฯ’ ที่นับวันยิ่งทวีความโหยหวนคุมเกมไม่ได้ทั้งคู่  

ฝากฝั่ง ‘พรรคเพื่อไทย’ ก็ยังเป็นมีกระแสไม่ว่างเว้นประหนึ่ง ‘ตำบลกระสุนตก’ ลูกปืนใหญ่เจาะพรุนทั่วสนามเพลาะ ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์รายล้อมถูกดึงเป็นจำเลยครหา ‘ดีลลับข้ามขั้ว’ จาก ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์’ ที่ไม่ว่างเว้นพักช่วง นิยามตัวตนว่าเป็น ‘โจรการเมือง’ แตกหน่อขยายแนวคิดทฤษฎีขั้วที่ 3 ผลักพรรคส้มเป็นฝ่ายค้าน ตามฉากทัศน์ ‘ดีลลับลังกาวี’ แหล่งข่าวนิรนามของ ‘ป๋าชู’ ระบุถึงขั้นเอ่ยชื่อพรรคร่วมใหม่ที่ไร้ชื่อ ‘ก้าวไกล’  

พร้อมกันนี้ยังมีภาพหลุดจากเกาะอังกฤษ ปรากฎรูป ‘เศรษฐา ทวีสิน’ และ ‘อนุทิน ชาญวีรกูล’ ร่วมเชียร์ ‘จิ้งจอกสยาม’ ในศึกพรีเมียร์ลีกนัดสุดท้าย ซึ่งหลังการแข่งขันผลแพ้ตกชั้นคารังเหย้าที่ควรเป็นประเด็นหลัก แต่กลับกลายเป็นเรื่อง ‘เสี่ยหนู - เสี่ยนิด’ เกาะขอบสนามชมกีฬาชื่นมื่น...เขาคุยดีลลับอะไรหรือเปล่า ?  

กระสุนอีกนัดถูกยิงแตกอากาศ ‘พลีชีพตัวเอง’ อีกวาระ เมื่อกองเชียร์ ‘คนเสื้อแดง’ อย่าง ‘เคสามถุย’ พาเอฟซีตบเท้า ‘ดื่มมินต์ช็อก’ ให้กำลังใจและแสดงความประสงค์ดัน ‘เพื่อไทย’ ถอนตัวจากก๊วนพันธมิตร ขึ้นเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเสียเอง ด้วยเหตุผลแห่งศักดิ์ศรีและใช้แต้ม 10 ล้านเสียงจากประชาชนเป็นวาระกดดัน ส่งผลให้แฟนคลับทั้งด้อมส้มและเสื้อแดง (บางส่วน) ไม่พอใจ ก่่นคำสบถเหมือนหมีกินผึ้งว่อนโซเชียล  

จะเห็นได้ว่า แค่ลำพังแค่วิบากกรรมจากข้อจำกัดที่ ‘คสช.’ วางรากฐานไว้เมื่อหลายปีก่อน ก็หนักหนาสาหัสยิ่งยวดแล้ว แค่ความสัมพันธ์ภายในขั้วพันธมิตรประชาธิปไตยก็ทำให้หลายฝ่ายคิดหนัก ว่าจะไปได้ตลอดรอดฝั่งหรือไม่ 

อย่างไรก็ดี ความบาดหมางของแกนนำพรรคร่วมฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน เมื่อวาน (30 พ.ค. 66) หลังการแถลงข่าวการประชุมร่วมของ 8 พรรคพันธมิตรเสร็จสิ้น มีจังหวะ ‘เลิฟซีน’ ระหว่าง 2 แกนนำคนสำคัญ อย่าง ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ และ ‘ชลน่าน ศรีแก้ว’ ที่กอดคอ - ทำมือรูปหัวใจโชว์สื่อมวลชนที่ไปทำข่าว และมีถ้อยคำหวานซึ้งหยอดออกจากปากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยว่า  

“เรามัดกันแน่นอยู่แล้วไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราต้องการให้ตำแหน่งประธานสภา เป็นลักษณะในการสนับสนุนเลือกนายกฯ ให้ได้ไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล และมันเป็นการมัดที่แน่นกว่าอย่างอื่นเป็นข้อผูกมัดที่ต้องคำนึงถึง ฉะนั้นขอให้ความมั่นใจว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป เพื่อตั้งรัฐบาลของพี่น้องประชาชนให้ได้” 

ทั้งนี้ ชนน่านยังขอชี้แจงต่อประชาชนใน 3 ประเด็น 1) พรรคเพื่อไทยสนับสนุน ‘คณะกรรมการประสานงานระยะเปลี่ยนผ่าน’ และคณะทำงานชุดต่าง ๆ เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ประชาชนคาดหวังนโยบายที่ดีที่สุดของรัฐบาล 2) ประเด็นการจัดสรรตำแหน่งต่าง ๆ  ยืนยันว่า เป็นการแบ่งงานกันทำตามวาระงานที่หัวหน้าพรรคก้าวไกล ‘ว่าที่นายกฯ’ จะใช้วาระงานเป็นหลักเสนอร่วมกันใน MOU กระทรวงใดก็แล้วแต่ จะยึดเป็นเรื่องสำคัญ และในประเด็นที่ 3) เรื่องดีลล้วง ดีลลับต่าง ๆ เพื่อไทยยืนยัน จะเปลี่ยนเป็น ‘ดีลรัก’ ให้หมด เพื่อรัฐบาลของพี่น้องประชาชน 

ในส่วนประเด็นการถกเถียง ว่าใครจะได้ตำแหน่งเก้าอี้ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติไปครอง ทั้ง ‘เดอะทิม’ และ ‘พี่หมอ’ ต่างตอบตรงกัน ว่า เรื่องนี้ไม่เป็นอุปสรรคในการจัดตั้งรัฐบาล และจะพิจารณาร่วมกัน โดยไม่คำนึงว่าเป็นโควตาของพรรคใดพรรคหนึ่ง...ของแบบนี้คิดเร็วไม่ได้ต้องใช้เวลา 

ผู้เขียนเป็นหนึ่งในนักข่าวที่อยู่ในวงสัมภาษณ์วันนั้น เห็นชัดว่าถ้อยคำ ‘หวานเจี๊ยบ’ ของทั้งคู่สร้างความพออกพอใจแฟนคลับ ที่เดินทางมาให้กำลังใจอยู่หน้าที่ทำการพรรคประชาชาติ จนต้องกลับมานั่งขบคิด ถึงฉากทัศน์ทางการเมืองในอนาคต ว่าจะหวานชื่นรื่นรม หรือจะหวานชื่นลื่นล้ม 

เช้าวันถัดมา ผมได้ฟังประเด็นที่น่าสนใจจากการให้สัมภาษณ์ทางโทรศัพย์ของ ‘รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต’ ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า)  ในรายการข่าวเข้มประเด็นข้น ทางวิทยุคลื่น 96.5 FM  

โดยอาจารย์พิชาย ได้ตอบคำถาม ‘วิเชษฐ์ พิชัยรัตน์’ ในประเด็นการเดินเกมของพรรคเพื่อไทยว่า ตอนนี้เพื่อไทยเริ่มรู้ตัว เพราะช่วงแรกในการจัดตั้งพรรคร่วมฯ ใช้ยุทธศาสตร์แบบคู่ขนาน คือสนับสนุนพรรคก้าวไกลเต็มที่ แต่ในอีกด้านก็มีกระแสดีลลับเกิดขึ้น ซึ่งเพื่อไทยคิดเผื่อไว้หากดรีมทีมเกิดพลั้งพลาด แต่หลังการพูดคุยภายในอาจทำให้ตกผลึกว่ายังไงก็ต้องหนุนพรรคส้มให้เป็นแกนนำรัฐบาล 

“เขาคงได้ข้อสรุปกันว่า ยังไงก็ต้องหนุนก้าวไกล เพราะกระแสประชาธิปไตยและการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น ขืนทำการเมืองในรูปแบบเดิมอาจสร้างความเสียหายให้กับพรรค และอาจกระทบกับการทำการเมืองของ คุณแพทองธารด้วย เพราะเธอเป็นผู้สนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลร่วมอย่างแข็งขัน ฉะนั้นเราจึงเห็นภาพแบบนี้ในช่วงต้นสัปดาห์”  

ในส่วนคำถามของ ‘อรวรรณ กริ่มวิรัตน์กุล’ ที่ยิงตรงประเด็นหากอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นกับ ‘เดอะทิม’ ส่งผลให้ไม่ได้ไปต่อในฐานะนายกฯ สูตรพิเศษหรือดีลลับข้ามขั้วจะเกิดขึ้นหรือไม่ แล้วจะส่งผลต่อระบบรัฐสภาอย่างไร นักรัฐศาสตร์สถาบันนิด้า ให้ความเห็นว่า มี 2 ฉากทัศน์ที่จะเกิดขึ้นได้  

กรณีเลวร้ายที่สุดสำหรับพรรคก้าวไกล หรือ พิธาถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง แบบที่หนึ่งคือ เพื่อไทยยังคงจับมือกับก้าวไกล แต่เพื่อไทยจะมีการสลับบทบาทให้เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้ง แบบที่สองคือ การเปิดดีลข้ามขั้ว เพื่อไทยไปจับมือกับพลังประชารัฐ ขับก้าวไกลให้เป็นฝ่ายค้าน ซึ่งหากเกิดปรากฏการณ์ที่สอง จะส่งผลกระทบกับพรรคเพื่อไทยโดยตรง  

“แม้จะชนะในเกมอำนาจ แต่เขาจะแพ้ทางการเมืองในระยะยาว นำไปสู่ความตกต่ำ แล้วถ้าอุ๊งอิ๊งขึ้นเป็นนายกฯ ในฉากทัศน์ที่สอง ก็จะเกิดปมปัญหา เพราะเคยพูดมาก่อนว่าจะไม่จับมือกับพรรคนั้นพรรคนี้ จะทำให้เกิดความมัวหมองทางการเมืองขึ้นมา อาจจะมีผลกระทบทางการเมืองของเธอในระยะยาวด้วย” รศ.ดร.พิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต กล่าวทิ้งท้ายรายการ  

ท้ายที่สุด สิ่งที่ผู้เขียนได้เห็นในวันแถลงข่าวและได้รับฟังการวิเคราะห์ผ่านวิทยุทรานซิสเตอร์ ก็อนุมานความคิดได้เบื้องต้นตามประสานักข่าวการเมืองชั้นประถมว่า การแสดงท่าทีของ ‘หมอชลน่าน’  ที่พรรคประชาชาติิ สมควรที่จะได้รับการสรรเสริญทั้งในฐานะหมู่มิตรร่วมหัวจมท้าย และประชาชนผู้ฝักใฝ่อยากเห็น ‘รัฐบาลในฝัน’  

แต่ไม่วายฉุกคิดไปเรื่อยเปื่อย ตามกมลสันดานนักข่าวรังนกกระจอก ว่าท้ายที่สุด ‘คำหวาน’ ที่เปล่งออกมาจากปากเคลือบน้ำตาลของนักการเมือง ไม่ว่ากี่ยุคกี่สมัยอาจเปลี่ยนแปลงได้เสมอ บางคนเลี่ยงบาลีเปลี่ยนบทสนทนาที่หวานชื่นเป็นฟาดขมได้ในพริบตาเดียว...  

มิฉะนั้นโบราณคงไม่ว่า หมากกระดานทางการเมือง ไม่มี ‘มิตรแท้’ และ ‘ศัตรูเทียม’ ถาวร 

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์