วันนี้ (27 มี.ค.) ที่ บก.ปปป. ‘ษิทรา เบี้ยบังเกิด’ หรือ ‘ทนายตั้ม’ เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ นำหลักฐานที่เกี่ยวข้องกับส่วยตำรวจที่อ้างว่ามีความเชื่อมโยงกับ ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล’ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มามอบให้ ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว’ รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง
‘ทนายตั้ม’ ชี้แจงว่าวันนี้เป็นการนำข้อมูลมาให้ ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ ตรวจสอบเท่านั้น ยังไม่มีการแจ้งความดำเนินคดี เพราะมองว่าหากเเจ้งความไปก่อนจะทำให้ตำรวจมีเวลาทำงานเพียง 1 เดือน ก่อนรวบรวมข้อมูลส่งต่อให้ ปปช. จึงเกรงว่าข้อมูลอาจไม่ครบถ้วน เลยเลือกใช้วิธีส่งข้อมูลให้ตำรวจตรวจสอบก่อน โดยให้กรอบเวลา 30 วัน จากนั้นจะมาติดตามความคืบหน้า

ส่วนข้อมูลทั้งหมดที่มี ‘ทนายตั้ม’ ยอมรับว่าสายลับที่ให้ข้อมูลเป็นตำรวจ ที่ทนกับระบบไม่ได้ และจากข้อมูลที่มีตอนนี้ยังไม่พบว่า ‘พล.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล’ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ มีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำผิดกฎหมาย แต่หากพบข้อมูลจะตัวเองจะไม่เกรงใจพร้อมเปิดเผยแน่นอน เเม้จะนับถือกันเป็นพี่น้องก็ตาม

ด้าน ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ ขอให้มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่จะตรวจสอบครบทุกมิติ หากพบว่ามีการทำผิดจริงและเชื่อมโยงถึงใครจะดำเนินการอย่างตรงไปตรงมา ไม่มีละเว้น มองว่าเป็นเรื่องดีที่ทนายตั้มนำข้อมูลมาให้ เพราะจะได้ถือโอกาสปัดกวาดองค์กรให้สะอาด
ส่วนประเด็นที่หลายคนมองว่า ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ เป็นสายตรงของ ‘พล.ต.อ.ต่อศักดิ์’ และอาจทำให้มีการเอื้อประโยชน์กัน ‘พล.ต.ต.จรูญเกียรติ’ ยืนยันด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า ผมไม่เคยเลียตูดนาย ไม่ได้เป็นเด็กใคร มาถึงวันนี้ได้เพราะความสามารถของตัวเองที่ทำเพื่อส่วนรวมภายใต้อุดมการณ์ที่มีตลอด
ขอให้มั่นใจว่าไม่มีใครใหญ่กว่าประตูห้องขัง ใครทำผิดต้องได้รับผิด ส่วนประเด็นของ ‘พล.ต.อ.สุรเชษฐ์’ ขอไม่ตอบ เพราะไม่อยากขัดนโยบายของนายกรัฐมนตรีที่ไม่อยากให้ข่าวโต้กันไปมา

ทั้งนี้หลัง ‘ทนายตั้ม’ ให้ข้อมูลกับตำรวจแล้ว ได้เปิดเผยกับสื่อสั้นๆ ว่า เชื่อมั่นใน ‘พล.ต.ต.เจริญเกียรติ’ เพิ่มขึ้นจาก 40 เป็น 70% แล้ว และจะเข้ามาให้ข้อมูลกับ ‘พล.ต.ต.เจริญเกียรติ’ เกี่ยวกับพยานหลักฐานอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ (31 มี.ค.)
