เรียกได้ว่า ‘ฝ่ายตรงข้าม’ ที่รอขย้ำซ้ำต้องผิดหวังไปตามๆ กัน เมื่อศาลรัฐธรรมนูญ มีมติไม่รับคำร้องของ ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ทนายความอิสระ ที่ยื่นขอให้สั่ง ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และพรรคเพื่อไทย เลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯ
โดยหนึ่งในผู้ที่ออกออกมาให้ความเห็นในเรื่องนี้คือ จตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ที่ยอมรับว่า ประเมินสถานการณ์ศาล รธน.รับคำร้องคลาดเคลื่อน แม้ถูกเย้ยหยันหน้าแตก แต่ถัดจากนี้ไปขอให้ประชาชนอดทนเฝ้ารอสถานการณ์เป็นตอนๆ และรวมใจมัดพลังคนรักชาติให้แน่นจนถึงวันที่บ้านเมืองไม่มีความหวังเหลืออีก แล้วจะได้คิดอ่านกัน
อีกทั้งกล่าวถึงนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร อ้างพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับกัมพูชา ต้องใช้ MOU-44 เจรจาตกลง ถ้าต่างฝ่ายต่างไม่ยอมต้องแบ่งผลประโยชน์กัน นายจตุพร กล่าวว่า การพูดเช่นนั้น พูดได้ถ้าเป็นทรัพย์สินส่วนตัว ไม่เป็นทรัพย์สินของชาติ ดังนั้น หากจะแบ่งทรัพย์สินชาติก่อนตกลงปักปันเขตแดนกันแล้ว เมื่อมั่นใจว่า “มีของ” แน่จริงก็ทำเลย
ถ้ากรณีสนามกอล์ฟอัลไพน์รอดอีก ต้องยอมว่าของเขาแน่จริง อย่างนั้นทำบ่อนเถอะ ขายคอนโดให้ต่างชาติอยู่ 99 ปี หรือแลนด์บริดจ์ซุกที่ดิน 3 แสนไร่ก็รีบทำ ส่วนเรื่องไทย-กัมพูชาเร่งตกลงผลประโยชน์ก่อนปักปันเขตแดนเลย รวมทั้งวันอังคาร (ประชุม ครม.) นี้ ประธานบอร์ดแบงก์ชาติ ก็ตั้งเถอะ เมื่อมั่นใจทุกอย่างดูเบ็ดเสร็จเด็ดขาดแล้ว ถ้าเชื่ออย่างนั้นจริง
— จตุพร พรหมพันธุ์
พร้อมทั้งกล่าวว่า ในทางการเมืองแล้วสถานการณ์จากนี้ไป ถ้ารัฐบาลเพื่อไทยมั่นใจว่า มีของดีจริง อยากจะทำอะไรก็เชิญ และถ้าแน่จริงต้องเอายิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกฯกลับมาไปอยู่ที่บ้านโดยไม่ต้องติดคุกสักวันก็ทำเลย เมื่อเชื่อมีของดีคุมบ้านเมืองนี้ได้เบ็ดเสร็จจนชนะทุกอย่าง เพราะได้ไฟเขียวโล่งแล้วจะทำอะไรก็ทำได้
เมื่อทักษิณ ชินวัตร บอกอยู่ทั้งนรกและสวรรค์มาแล้ว แต่นรกที่เขาอยู่นั้นยังมีวีไอพี เป็นชนชั้นอภิสิทธิ์เลย แล้วจะเอาอะไรกับประเทศนี้อีก อย่างไรก็ตาม ทักษิณไม่ได้ผ่านนรกและสวรรค์จริงๆ เหมือนคนไปต่อสู้แล้วตาย บาดเจ็บ หรือติดคุกหรอก อีกอย่างคำพิพากษาจำคุกยังทำอะไรไม่ได้ บ้านเมืองนี้เดินมาถึงจุดนี้กันจริงๆ
— จตุพร พรหมพันธุ์
ส่วนคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงฯ ของสภา สอบถามเวชระเบียนจาก รมว.ยุติธรรมนั้น นายจตุพร กล่าวว่า เวชระเบียนที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) ต้องการ เพื่อนำมาตรวจสอบหมอและการป่วยของทักษิณ ว่าได้รักษากันจริงหรือไม่ และป่วยวิกฤตหรือไม่
สิ่งสำคัญนำมาพิจารณาหมอได้ทำหน้าที่รักษาจริงหรือไม่ เพื่อตรวจสอบและประกอบคดี ม.157 ว่าได้ปฏิบัติหรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งไม่ได้นำมาเปิดเผยและไม่เหมือนกับการโชว์ใบเสร็จจ่ายค่าห้องชั้น 14 ดังนั้น เวชระเบียนไม่น่าเป็นความลับ
นอกจากนี้ สิ่งที่ รมว.ยุติธรรม รายงานกับ กมธ.ความมั่นคงฯ นั้น กลับย้อนแย้งกับ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส และ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล ไปพบไปเห็นมาว่า ทักษิณไม่ได้ป่วยจริง ดังนั้น เจตนาไม่ให้เวชระเบียนจึงเป็นการปกป้องคนผิด คือผู้ป่วย ทั้งที่ไม่ได้นำเวชระเบียนหรือประวัติผู้ป่วยมาเผยแพร่ต่อสาธารณะ
แต่ความผิดปกติของหมอรีบส่งทักษิณไป รพ.ตำรวจ อ้างป่วยวิกฤต หากคนป่วยแบบนี้ส่งช้า 1 นาทีถ้าวิกฤตต้องชัก ถ้าหนักแบบนั้นทำไมไม่ส่ง รพ.ราชทัณฑ์ ซึ่งอยู่ติดเรือนจำให้หมอรักษาก่อน กลับเอานั่งรถส่ง รพ.ตำรวจ ไปเสี่ยงตายถึง 17 นาทีทำไม และภาพขณะป่วยในเรือนจำยังนำมาแสดงไม่ได้ แต่อ้างเป็นความลับอีก เมื่อเป็นเช่นนี้บ้านเมืองจึงผิดปกติ จะอยู่กันแบบนี้จริงเหรอ ถ้าจะยกแผ่นดินนี้ให้ก็ยกเลย
— จตุพร พรหมพันธุ์
จตุพร กล่าวว่า สำหรับประชาชนจะยอมแพ้สยบราบคาบให้ทักษิณ และคณะหรือไม่ หรือมารวมกลุ่มคิดอ่านกัน อย่างไรก็ตาม เราต้องเฝ้าดูกันต่อไป ถ้า ปปช. ไม่มีปัญญาหาความจริงอีก และ คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ลังเลจะทำหน้าที่ต่อไป แสดงว่า ไปกันทั้งขบวนแล้ว ดังนั้น ประชาชนคงต้องหวังลมๆแล้งๆกันต่อ จนกว่าบ้านเมืองนี้จะไม่มีความหวังให้หวัง
พร้อมทั้งกล่าวว่า ประเทศนี้จะดูสถานการณ์เพียงตอนเดียวไม่ได้ ต้องดูกันทุกตอน เมื่อเราอยู่ในประเทศแม้แต่ตัวเองยังเชื่อตัวเองไม่ได้ เพราะเมื่อหาเสียงเขาประกาศไม่จับมือดูกับใคร แต่ก็ไปจับมือกับใคร ดังนั้น เขายังเชื่อตัวเองไม่ได้ แล้วเราคนนอกจะเชื่ออะไรได้ เราจึงอยู่ในสังคมที่มีสัจจะเสื่อมต่อกัน เราจึงต้องอดทนรอ
อีกทั้งกล่าวว่า เรื่องการตรวจสอบนั้นยังไม่จบสิ้นในกระบวนการ แต่ถึงขั้นเราต้องไปฝากความหวังกับองค์กรอื่นไว้ก็เบาๆ กันไว้ แล้วเราต้องเฝ้ารอวันสำนึกประชาชนพร้อมและสถานการณ์ใหม่เปิดโอกาสให้คนรักชาติได้แสดงพลัง
ถ้ารัฐบาลไปเจรจาแบ่งประโยชน์พลังงานก่อนปักปันเขตแดน หากคนไทยยอมและเพิกเฉย เราก็รอและจะทำอย่างเต็มที่ของเราไป ด้วยการยืนยันจะต่อต้าน ถ้าต้านไม่ได้ ก็ทำสุดมือกันได้เท่านั้น กระทั่งเรื่อง 99 ปี เรื่องบ่อนและอนาคตเยาวชน รถรางกับการเสียที่ดินสองข้างทาง และเรื่องแลนด์บริดจ์ ทั้งหมดทั้งปวงนี้ เราต้องยืนต้าน ถ้าคนไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้และช่วยด้วยก็เสร็จอีก
— จตุพร พรหมพันธุ์
จตุพร กล่าวว่า การลุกขึ้นยืนต้านนั้น เราทำได้เพียงบอกพี่น้องประชาชนว่า อะไรจะเกิดขึ้น เพราะเราไม่มีสติปีญญาทำอะไรอย่างอื่นได้ แม้เราไม่มีผลประโยชน์ส่วนตัว แต่เราต้องพูดถึงความเป็นชาติ เพื่อให้สติประชาชนว่า เราจะปล่อยให้บ้านเมืองเป็นแบบนี้กันหรือ?
อย่างไรก็ตาม เมื่อเดินมาถึงจุดนี้ ต้องบอกประชาชนว่า ต้องใจเย็นๆ ดูกันต่อไปให้สุดทาง ถ้าเขาทำตามโครงการต่างๆ กระทั่งสนามกอล์ฟอัลไพน์ยังไม่ระคายผิวก็ต้องยอมรับว่า ของเขาแน่ ส่วนที่เหลือเป็นความอดทนของพี่น้องประชาชนว่า จะทนในแต่ละเรื่องกันได้อย่างไร
เพียงแต่จะบอกกับพี่น้องประชาชนว่า ที่เหลือจากนี้ไปอะไรจะเกิดขึ้นเป็นตอนๆ ขณะที่เราต้องเฝ้ารอ โดยพวกนี้ไม่ชนะทุกยก จะแพ้กันหลายตอนได้เหมือนกัน ส่วนยกหน้าเขาจะชนะกันถี่ๆ จนนำไปสู่ความสูญเสียของชาติหรือไม่ ต้องไปวัดกันตรงนั้น
— จตุพร พรหมพันธุ์
จตุพร ย้ำว่า ประชาชนต้องดูสถานการณ์เป็นตอนๆ ไป เพื่อประเมินการรับมือทุกยก แม้แต่ละตอนจะกระทบกระเทือนจิตใจ ขณะเดียวกันจะเป็นพลังปลุกใจประชาชนที่รักชาติบ้านเมือง และประชาชนจะตื่นตัวอย่างมีนัยยะสำคัญ ดังนั้น คงต้องเฝ้ารอเป็นตอนๆ ดูกันเป็นยกๆ