ความเคลื่อนไหวของ ‘จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์’ สส.ฉะเชิงเทรา พรรคก้าวไกล ที่อยู่ในปีก ‘ตรวจสอบกองทัพ’ ของพรรคก้าวไกล รับบท ‘บู้’ เป็นหลัก ในการเขย่ากองทัพผ่าน ‘โซเชียลมิเดีย’ รวมทั้งการอภิปรายในสภาฯ เป็นการแบ่งบทกันเล่น ภายในขั้วก้าวไกล ที่จะมีทั้ง ‘มือประสาน - มืออภิปราย - ตัวบู้’ แบ่งกันระหว่าง ‘สส.หน้าใหม่ - สส.หน้าเก่า’
สำหรับกรณี ‘จิรัฏฐ์’ ไม่ใช่เพิ่งเกิดเรื่องขึ้น เพราะมีการปลุกขึ้นมาตั้งแต่ ก.ย.66 โดย ‘เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ’ เป็นผู้เปิดประเด็นไว้ ให้ตรวจสอบ ‘นวรินทร์ ทองสุวรรณ์’ ชื่อเดิมของ ‘จิรัฏฐ์’ เกี่ยวกับการคัดเลือกการเป็นทหาร
เรียกว่า ทบ. ซุ่มเงียบ ‘เก็บข้อ’ มาตั้งแต่ปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังมีการ ‘จุดประเด็น’ ขึ้นในโซเชียลฯ อีกครั้ง จนนำมาสู่การแถลงข่าวของ ‘หน่วยบัญชาการรักษาดินแดน’ (นรด.) นำโดย พล.ท.ทวีพูล ริมสาคร ผบ.นรด. เมื่อ 29ม.ค.ที่ผ่านมา เสมือนว่าได้รับไฟเขียวจาก ทบ. ให้ออกมาแถลงข่าว
โดยช่วงแรก พล.ท.ทวีพูล ผบ.นรด. ได้กล่าวถึง ‘ระเบียบ’ ของใบ สด.43 ที่มี ‘หัวใจหลัก’ 2 อย่าง คือ กรรมการหน่วยคัดเลือกต้องลงนามครบ 5 คน ต้องได้รับใบ สด.43 ทั้งแบบ ‘ผ่อนผัน’ และ ‘ผ่านการคัดเลือก’ จากประธานตรวจเลือกฯ ในวันตรวจเลือกเท่านั้น และต้องพิมพ์ ‘ลายนิ้วมือ’
สำหรับ ‘ต้นขั้ว’ มีแหล่งข่าว ทบ. ระบุว่าไม่พบชื่อ ‘นวรินทร์ ทองสุวรรณ์’ ชื่อเดิมของ ‘จิรัฏฐ์’
ต่อมา ทาง นรด. ชี้แจงเรื่อง ‘ใบ สด.43’ ว่า จะแยกเก็บไว้ 3 ท่อน คือ สำนักงานสัสดีจังหวัด , กองทัพภาคภูมิลำเนาทหาร , อยู่กับเจ้าตัว (ผู้คัดเลือก)
แต่สิ่งที่ พล.ท.ทวีพูล ผบ.นรด. แถลงสำคัญคือทาง นรด. กำลังรวบรวมหลักฐานต่างๆ เตรียมแจ้งความดำเนินคดี ‘สส.จิรัฏฐ์’ อีก 1-2 วัน หากพบว่าเป็นการ ‘ปลอมแปลงเอกสาร’
‘จิรัฏฐ์’ ออกมาเปิดใจกับสื่อเย็นในวันเดียวกัน ยืนยันใบ สด.43 ไม่ใช่ของปลอม พร้อมย้ำถึงว่ามีลายเซ็นพันเอก-พันโท 5 คน และได้รับมาจากมือเจ้าหน้าที่ในสถานที่ราชการ พร้อมให้ย้อนไปตรวจสอบปี 2554 จนท.คนใดประจำหน่วยนี้ พร้อมเปิดเผยว่าทำเรื่อง ‘เปลี่ยนชื่อ’ ก่อนไปทำเรื่อง 4-5 ปี
ส่วนที่ยังถกเถียงเวลานี้คือ ‘ใบเรียกรายงานตัว’ ใช้ชื่อ ‘นวรินทร์ ทองสุวรรณ์’ ส่วนใบ สด.43 ที่นำมาโชว์ชื่อ ‘จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ’
ซึ่งทาง ทบ. ระบุว่าไม่พบใบต้นขั้วชื่อ ‘จิรัฏฐ์’ หากมีการเปลี่ยนชื่อก็ต้องนำ ‘ใบเปลี่ยนชื่อ’ จากที่ว่าการอำเภอหรือเขต มาแสดงต่อสัสดี เพื่อเปลี่ยนชื่อให้ตั้งแต่ตอนแรก ก่อนออกใบ สด.43 เนื่องจากหากลงชื่อในใบ สด.43 ไปแล้วจะไม่สามารถเปลี่ยนแปลงชื่อได้
ขณะที่จิรัฏฐ์ ชี้แจงว่า ”ที่บอกว่าไม่เจอต้นขั้ว อยากให้ตรวจสอบ เพราะที่แถลงว่าไม่มีชื่อ นวรินทร์ (ชื่อเดิม) ผมเข้าใจได้ แต่ถ้าไม่มีชื่อจิรัฏฐ์ ผมว่ามีปัญหาแล้ว“
ด้วยระยะเวลาที่ผ่านมาราว 12 ปี ทำให้ไทม์ไลน์ที่ ‘จิรัฏฐ์’ ชี้แจง ไม่สามารถจำได้หมด แต่เจ้าตัวยืนยันว่าได้ใบ สด.43 มาตั้งแต่วันที่ไปขึ้นศาล แต่จำไม่ได้ว่า ‘จับใบดำ-ใบแดง’ เมื่อใด ระหว่างวันถัดที่ไปขึ้นศาล หรือ 1 ปี หลังจากนั้น
นอกจากนี้ ‘จิรัฏฐ์’ ได้เปิดใบ สด.43 ให้กับผู้สื่อข่าวดู โดยไม่อนุญาตให้มีการถ่ายภาพ ซึ่งพบว่าในเอกสารระบุเป็นชื่อ ‘จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์’ และไม่มีการพิมพ์ลายนิ้วมือ
แต่มีการเซ็นชื่อ ‘จิรัฏฐ์’ เพื่อรับเอกสาร พร้อมทั้งมีการระบุว่า เป็นบุคคลที่จับได้ ‘ใบดำ’ อย่างชัดเจน มีลายเซ็นนายทหารรับรองในเอกสาร และในแฟ้มเอกสารเดียวกัน
พร้อมกันนี้ ‘จิรัฏฐ์’ ยังได้เก็บ ‘เอกสารขอผ่อนผัน’ การเกณฑ์ทหารมาโดยตลอดระหว่างการศึกษา รวมถึง ‘ใบเรียกไปรายงานตัว’ ในการเกณฑ์ทหาร ตั้งแต่ใช้ชื่อเดิมจนกระทั่งเปลี่ยนชื่อใหม่ไว้
ทั้งหมดนี้สะท้อนภาพ ‘ยุทธวิธี’ ของ ‘เหล่าทัพ’ ยุคนี้ไม่เน้น ‘ตอบโต้’ ทันควัน แต่จะชี้แจงตาม ‘จังหวะเวลา’ ในส่วนของ ทบ. ครั้งนี้ ปล่อยให้ ‘จิรัฏฐ์’ พูดฝ่ายเดียว ตอบโต้กับ ‘ขั้วตรงข้าม’ ในโซเชียลฯ
จนถึงจังหวะที่ ทบ. ซุ่มเก็บข้อมูล รอจน ‘จิรัฏฐ์’ ออกมาเปิดเผยใบ สด. 43 ที่เปรียบเป็น ‘สารตั้งต้น’ ในการตรวจสอบ จนนำมาสู่การแถลงข่าวตอบโต้ และเตรียม ‘แจ้งความ’ หากพบว่าเป็นเอกสารปลอม
ขณะที่ในซีก ‘พรรคก้าวไกล’ มองว่าสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเหมือนการ ‘ฟ้องปิดปาก’ พร้อมเปรียบเทียบกับสิ่งที่ ‘กองทัพ’ ต้องชี้แจงเรื่องต่างๆ เช่นเรื่องธุรกิจในกองทัพ กลับนิ่งเฉย ไม่แอคชั่นเท่ากรณี ‘ใบ สด.43’ ที่เกิดขึ้น
ทั้งหมดนี้เสมือนเป็น ‘สัญญาณ’ ในการ ‘เชือดไก่ให้ลิงดู’ จาก ‘กองทัพ’ ทว่าที่สุดท้ายแล้ว ต้องพิสูจน์ทราบ ‘หลักฐาน’ ของแต่ละฝ่าย รวมทั้งมีไทม์ไลน์ของแต่ละฝ่ายที่ชัดเจน ถึงเหตุการณ์ทั้งหมด
