จิรายุ ห่วงทรัพย์ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ส่งผลให้ พ.ร.บ.สมรสเท่าเทียม มีผลบังคับใช้ ในวันที่ 22 มกราคม 2568
ขอแนะนำว่า ก่อนกฎหมายมีผลบังคับใช้ ระหว่างนี้ให้ส่วนราชการทำความเข้าใจ ประชาสัมพันธ์ โดยเฉพาะรายละเอียดกฎหมายที่ผูกพัน ทั้งอาญา และแพ่ง เพื่อให้ประชาชนจะได้เข้าใจถึงสิทธิ์ต่างๆ เช่น
- สิทธิจัดการทรัพย์สินของคู่สมรส
- สิทธิรับบุตรบุญธรรม
- สิทธิการลงนามยินยอมให้รักษาพยาบาลอีกฝ่าย
นอกจากนี้ ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ยังเปิดเผยว่า วันนี้ (25 ก.ย.) แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้เชิญ รองนายกฯ รัฐมนตรี และรัฐมนตรีที่อำนวยการ สั่งการในศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) มาร่วมหารือเพื่อติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด
โดย ศปช. ได้สั่งการให้ทุกส่วนราชการเร่งปฏิบัติการในส่วนที่มีเหตุการณ์สำคัญ และขอให้อำนวยความสะดวก จัดทำบัญชี และตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลได้ทันที ตามแนวทางที่กำหนดโดยไม่ต้องรอระยะเวลา โดยให้จังหวัดทยอยส่งข้อมูลมายัง ปภ. โดยเร็วตามกรอบระยะเวลาที่กำหนด สำหรับเอกสารที่ใช้ยื่นเป็นหลักฐานในการขอรับเงินช่วยเหลือ ประกอบด้วย
- บัตรประจำตัวประชาชน
- หลักฐานอย่างใดอย่างหนึ่ง ได้แก่ สำเนาทะเบียนบ้าน (กรณีเป็นบ้านพักอาศัยที่มีทะเบียนบ้าน) , สัญญาเช่าบ้านหรือหนังสือรับรองการเช่าจาก อปท. (กรณีเป็นบ้านเช่า)
หากเป็นกรณีอื่น อาทิ บ้านพักอาศัยประจำ หากไม่มีทะเบียนบ้านจะต้องให้กำนันหรือผู้ใหญ่บ้าน ผู้บริหารท้องถิ่น ร่วมกับผู้นำชุมชน ตรวจสอบข้อเท็จจริงและลงนามรับรอง โดยขณะนี้กระทรวงมหาดไทยได้เปิดให้ทำบัตรประชาชนและออกทะเบียนบ้านใหม่ โดยผู้ประสบภัยไม่ต้องแจ้งความโรงพักแล้วสามารถไปดำเนินการได้ที่อำเภออำเภอ สำนักงานเทศบาลหรือรถโมบายเคลื่อนที่ของกรมการปกครอง
ส่วนกรณีประชาชนที่ยังไม่ได้ผูกบัญชีพร้อมเพย์กับธนาคาร สามารถไปลงทะเบียนพร้อมเพย์ได้ทุกธนาคาร โดยใช้หมายเลขบัตรประชาชน 13 หลัก