ตกเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างร้อนแรงต่อเนื่องสำหรับกรณีที่ แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แสดงวิสัยทัศน์บนเวที “10 เดือน ที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10” และพูดถึงธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือแบงก์ชาติ ในทำนองว่าเป็นอุปสรรคในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ จนนำมาสู่กระแสข่าวการแก้ไขกฎหมายให้ ธปท.อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล
ขณะที่ จิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหม ฝ่ายการเมือง ให้ความเห็นว่า เรื่องนี้อาจทำให้หลายคนกลัว เพราะหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นคนเก่ง พูดแล้วทำให้ร้อนรน
ถ้า ธปท. หรือผู้ว่าการการธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นเทวดา ก็ต้องถูกวิจารณ์ได้ เพราะบางทีทำฝนตกน้ำท่วม บางครั้งทำให้น้ำแล้ง หากเป็นเทวดาแล้ววิพากษ์วิจารณ์ไม่ได้ ส่วนตัวคิดว่าประชาชนก็ไม่ควรทำบุญด้วยเงินเดือน
จิรายุ ห่วงทรัพย์
ดังนั้น การวิจารณ์ หรือการหารือร่วมกัน ไม่ใช่การลองผิดลองถูก แต่เป็นการแก้ไขปัญหาไปพร้อมกัน ตั้งแต่ปี 2500 ทั้งรัฐบาลและแบงก์ชาติทำผิดและถูก ถ้าหากทำงานร่วมกัน ก็เชื่อว่าจะสมารถแก้ไขปัญหาได้
ส่วนในอนาคต หากมีการแก้ไขกฎหมายที่ทำให้เกิดการพัฒนาด้านเศรษฐกิจของประเทศ ส่วนตัวเห็นด้วย เพราะ 2-3 ปีที่ผ่านมา ชาวบ้านบ่นเยอะ เรื่องดอกเบี้ยมหาโหดที่กำหนดโดยธนาคารแห่งประเทศไทย ยกตัวอย่างการฝากเงิน กับการกู้เงิน มีส่วนต่างของดอกเบี้ย 5-7% การกู้ยาก ใช้เอกสารมาก ต่างจากตอนที่เอาเงินไปฝาก
และที่สำคัญ ต้นปีที่ผ่านมา ไม่มีธนาคารพาณิชย์แห่งใดประกาศว่าขาดทุน มีแต่จัดอันดับ 1 ใน 5 ธนาคารที่มีกำไรมากที่สุด จึงขอย้อนถามธนาคารแห่งประเทศไทยว่า นึกถึงหัวอกพี่น้องประชาชนหรือไม่ และในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่กู้ธนาคารผ่อนบ้าน รู้สึกได้ว่าดอกเบี้ยมีส่วนต่างเยอะ แต่ไปฝากเงินดอกเบี้ยน้อย
อย่าคิดเยอะ พรรคการเมืองมีหน้าที่กำหนดนโยบายไปสู่รัฐบาล รัฐบาลมีหน้าที่ปฏิบัติให้เป็นไปตามนโยบายพรรคการเมือง ซึ่งสอดรับกันอยู่แล้ว ทั้งนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพูดก็ถือเป็นเรื่องปกติ จึงขออย่าไปกังวล หัวหน้าพรรคของผมเก่งเท่านั้นเอง จึงเกิดกระแสวิจารณ์ในขณะนี้
จิรายุ ห่วงทรัพย์
ส่วนกรณีที่ แพทองธารถูกวิจารณ์อย่างหนักและโดนกระแสตีกลับ จิรายุ บอกว่า ไม่รู้สึกเช่นนั้น แต่เวลาคนที่มีแสง มีศักยภาพ คนที่มีกำลัง คนที่มีพลังพูด เป็นเรื่องปกติที่คนด้อยแสงไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง หรือคนที่ไม่เคยประสบความสำเร็จ คนพยายามปกปิดความไม่สำเร็จของตัวเอง พยายามด้อยค่าคนที่เขาพลังงานมากกว่า
รับยังเคลียร์ปม ‘สนามงู’ ไม่จบ ชี้หาก ‘ทอท.’ จะเอาที่คืน ต้องชดเชย 3,000 ล้านบาท
ส่วนความคืบหน้าในการพิจารณาเรื่องสนามกอล์ฟกานตรัตน์ (สนามงู) นั้น
จิรายุ ในประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการถ่ายโอนธุรกิจ ของกองทัพไปอยู่ในความดูแลของหน่วยงานอื่น หรือย้ายไปสถานที่อื่นที่เหมาะสม ก็ชี้แจงว่า บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (AOT: ทอท.) รับคืนไปแล้ว ดำเนินการอะไรไม่ได้ จึงได้เชิญกลับมาพิจารณากันใหม่
ทอท.ระบุว่า จะทำทางลัดสนามบินดอนเมือง จึงต้องรื้อสนามกอล์ฟออก เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย อีกทั้ง ทอท.ก็กล่าวหาสนามกอล์ฟว่า มีรถกอล์ฟฝ่าฝืนสัญญาณไฟ นักกอล์ฟตีกอล์ฟไม่ระมัดระวัง สุดท้ายที่ประชุม กำลังหาข้อสรุปว่า หากคืนสนามกอล์ฟแล้ว ทอท.ต้องจ่ายเงินค่าชดเชยเท่าไหร่ ซึ่งทางกองทัพอากาศ ชี้แจงว่า สนามกอล์ฟมีค่าใช้จ่ายปีละ 90-100 ล้านบาท หากชดเชยให้ตามสัญญาก็ต้องจ่ายถึง 30 ปี เป็นเงิน 3,000 ล้านบาท ซึ่งต้องติดตามต่อไป
จิรายุ ห่วงทรัพย์
