อย่าแปลกใจที่ ‘ทักษิณ ชินวัตร’ จะกล้าย้อนศร ‘พรรคประชาชน’ ปมยื่นญัตติซักฟอก ข้อกล่าวหา ‘ทักษิณ’ ชักใย ‘นายกฯ แพทองธาร’ ในการบริหารประเทศ ที่อยู่ระหว่าง ‘วันนอร์’ ใช้อำนาจ ‘ปธ.สภาผู้แทนราษฎร’ สั่ง ‘ฝ่ายค้าน’ แก้ญัตติตัดชื่อ ‘ทักษิณ’ อ้างเป็น ‘คนนอกสภาฯ’ เสี่ยงโดนหางเลขถูกฟ้อง
โดยมี 2 ประโยคสำคัญที่ ‘ทักษิณ’ ย้อนกลับ ว่า “ต้องถามว่าประเด็นนี้ได้ปรึกษาผู้ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่แล้วหรือไม่ เขาได้ปรึกษากันยังว่าจะเล่นประเด็นนี้“
“เป็นพรรคคนรุ่นใหม่ ต้องพยายามทำอะไรให้สร้างสรรค์ ต้องทำอะไรที่ดูแล้วน่าเชื่อถือ อย่าเป็นที่น่ารำคาญ หากทำอะไรที่น่ารำคาญ เดี๋ยวจะเสียไปอีกพรรค” ทักษิณ กล่าว
ย้อนร่องรอย ‘ดีลลับฮ่องกง’
ก่อนหน้านี้เคยมีกระแสข่าว ‘ดีลลับฮ่องกง’ เกิดขึ้นระหว่าง ‘ทักษิณ’ กับ ‘ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ที่ไปพบกันที่ฮ่องกง ช่วงเดือน ก.ค.66 หลังเลือกตั้งใหญ่ ที่อยู่ในช่วง ‘โหวตเลือกนายกฯ’ จาก ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ มาเป็น ‘เศรษฐา ทวีสิน’ ซึ่ง ‘ดีลลับฮ่องกง’ แม้ไม่ได้มีการออกมาเปิดเผยรายละเอียดใดๆ อย่างเป็นทางการ แต่มีการรายงานว่าเป็นการ ‘ดีลตั้งรัฐบาล’ ที่มีเงื่อนไขให้ ‘ก้าวไกล’ ถอยเรื่อง ม.112 แลกกับให้ ‘เพื่อไทย’ หนุน กม.นิรโทษกรรมการเมือง ปี 2549-2566
ทั้งนี้ช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา จากคำพูดของ ‘ทักษิณ-ธนาธร’ ก็พบร่องรอยของการพบกันของทั้งคู่ โดยเมื่อ พ.ย.66 ‘ธนาธร’ ให้สัมภาษณ์ว่า “…พรรคเพื่อไทยคือมิตรสำหรับผม แม้จะอยู่คนละฝั่งก็ตาม เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เราเป็นฝ่ายค้าน ก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน”
“ถึงแม้ว่าผมจะรู้สึกเสียใจและเจ็บปวดที่สุดที่พรรคเพื่อไทยไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลกับเรา เราก็รู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ แต่ผมเข้าใจข้อจำกัดของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นถึงแม้จะเสียใจโอกาสของประเทศ เสียดายที่ไม่ได้เอาแนวคิดเราไปบริหาร แต่สำหรับผม เพื่อไทยคือมิตร และทางออกที่จะทำให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้าต้องมี 2 พรรคนี้ ฝากถึงเพื่อนในพรรคก้าวไกลและแกนนำพรรคเพื่อไทยด้วย อนาคตของประเทศไทยอยู่ในมือคุณทั้งสอง” ธนาธร กล่าว พ.ย.66
ทันทีที่ ‘ทักษิณ’ ได้รับ ‘อภัยโทษ’ ก็เริ่มออกเดินสาย-ลงพื้นที่ สำหรับเวทีทอล์กแรกที่ ‘ทักษิณ’ ได้ขึ้นเวทีเมื่อ 22ส.ค.67 หลังกลับ ‘ไทย’ มาได้ 1 ปีพอดี ซึ่งตอนหนึ่งพิธีกรได้ถามว่า เป็นนายกฯ ครั้งแรกปี 2544 ที่มาจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งมีองค์กรอิสระครั้งแรก ตอนนี้ผ่านมากว่า 20 ปี เจตจำนงองค์กรอิสระเปลี่ยนไปเยอะหรือไม่ ?
ทักษิณ กล่าวว่า ต้องทบทวน และการออกกฎหมายขององค์กรอิสระ ไปออกกฎหมายให้เขาเขียนระเบียบเอาเอง เมื่อเขาเขียนระเบียบเอง ทำให้เกิดการใช้อำนาจตุลาการลึกไป เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยผมแล้ว ผมโดนมาเยอะ ผมจบ Ph.D ด้าน Criminal Justice แต่เป็นคนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมมากที่สุด
“มีคนจากก้าวไกล เขาเคยถามผมว่า ถามว่าพรรคผมจะโดนยุบไหม ผมบอกว่า ผมเนี่ยนะแค่โดนหมั่นไส้ อยู่เมืองนอก 17 ปี โดนยุบไป 3 พรรค แล้วของคุณมันจะไปเหลือเหรอ ไม่รู้เชื่อหรือยัง” ทักษิณ กล่าว 22ส.ค.67
สิ่งเหล่านี้สะท้อนว่า ‘ทักษิณ-ขั้วสีส้ม’ ที่ถูกพุ่งไปที่ระดับ ‘ผู้นำจิตวิญญาณ’ อย่าง ‘ธนาธร’ มีการพูดคุยกัน ผ่านร่องรอยของ ‘คำพูด’ แต่ละฝ่าย

สัมพันธ์เลือดมังกร ‘แซ่จึง-แซ่คู’ จาก ‘ธุรกิจ’ สู่ ‘การเมือง’
รากฐาน ‘ตระกูลชินวัตร-ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ’ คล้ายกัน คือ ‘ทำธุรกิจ’ และเข้ามาสู่ ‘สนามการเมือง’ และภายในตระกูลก็แบ่งเป็นหลายสาย แต่ในภาพกว้างของ 2 ตระกูล มีความสัมพันธ์กันมามายาวนาน ที่เห็นภาพชัดคือยุค ‘รัฐบาลไทยรักไทย’
ในฉากหน้าตัวละครสำคัญคือ ‘สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ’ ที่มีศักดิ์เป็น ‘อา’ ของ ‘ธนาธร’ ที่ยังคงมีบทบาทในยุค ‘รบ.แพทองธาร’ เอาตัวรอด-มีอำนาจมาได้ทุกยุค ตามสไตล์ ‘โลว์โปร์ไฟล์-ดูแลทั่วถึง-มี สส. ในมือ’ มีอำนาจไปต่อรอง ‘ทักษิณ’ ที่ทำการเมืองแบบ ‘พันธมิตร’ ไม่ได้เป็น ‘ลูกน้องทักษิณ’ แบบ ‘รัฐมนตรี-สส.’ คนอื่นๆ
ย้อนไปเมื่อ 20 กว่าปีก่อน สายสัมพันธ์ ‘ตระกูลชินวัตร-จึงรุ่งเรืองกิจ’ แนบแน่น ในขณะนั้น ‘ธนาธร’ ยังเป็น ‘วัยรุ่นหนุ่ม’ โดยมี ‘พัฒนา จึงรุ่งเรืองกิจ’ คุณพ่อ ที่เป็นกำลังสำคัญของครอบครัว ที่วางรากฐาน ‘ไทยซัมมิทกรุ๊ป’ ขึ้นมา ผู้นำธุรกิจชิ้นส่วนยานยนต์ของไทย-เอเชีย
โดยมี ‘สุริยะ’ เป็น ‘ตัวแทนตระกูล’ มาเชื่อมการเมือง ทำให้สายสัมพันธ์นี้ไปถึง ‘พัฒนา’ และ ‘สมพร จึงรุ่งเรืองกิจ’ ภรรยาของพัฒนา เป็นช่วงเวลาที่ ‘ทักษิณ’ ได้เจอลูกๆ ของ ‘พัฒนา-สมพร’ ด้วย
เมื่อปี 2545 ‘พัฒนา’ เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง ทำให้ ‘ธนาธร’ ในฐานะลูกชายคนโต และ ‘สมพร’ ต้องสานต่อสิ่งที่ ‘พัฒนา’ สร้างเอาไว้ โดย ‘ทักษิณ’ คือหนึ่งในบุคคลที่ไปเยี่ยม ‘พัฒนา’ ถึงข้างเตียงที่โรงพยาบาล และมาร่วมพิธีสวดพระอภิธรรมด้วย โดยมีคีย์แมนการเมืองในยุคนั้นมาร่วมพิธีฯ เช่น เสนาะ เทียนทอง , สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ , สมศักดิ์ เทพสุทิน , สมชาย วงศ์สวัสดิ์ , เยาวภา วงษ์สวัสดิ์ เป็นต้น

'ธนาธร' เป็น 'คนดี' ในสายตา 'อาเจ็ก'
ทั้งนี้ ‘สุริยะ’ เคยให้สัมภาษณ์ถึง ‘ธนาธร’ เมื่อปี 2562 ก่อนเลือกตั้งใหญ่ โดย ‘ธนาธร’ เรียก ‘สุริยะ’ ว่า ‘อาเจ็ก’ ซึ่ง ‘พัฒนา’ เป็นพี่ชายที่ดูแล ‘สุริยะ’ มาตั้งแต่เด็ก โดย ‘อาเจ๊ก’ มองหลานชายตัวเอง ที่เติบโตในยุคที่ฐานะทางบ้านดีแล้ว ในยุคที่ ‘ธนาธร’ เป็น นศ. ก็มองถึงประเทศชาติ ขึ้นเวที ม.ธรรมศาสตร์ วิจารณ์ ‘นายกฯทักษิณ’ ส่วน ‘สมพร’ ไปขึ้นเวที ‘พรรคไทยรักไทย’ สะท้อนว่าไม่มีใครคุม ‘ธนาธร’ ได้ ตามวิถี ‘คนวัยหนุ่ม’ เมื่อ ‘ธนาธร’ เติบโตขึ้นมาเป็น ‘ผู้ใหญ่’ ในวันที่ที่ฐานะทางบ้านดีแล้ว จึงทำให้ ‘ธนาธร’ ยืนบนหลักการได้ตลอด
โดย ‘สุริยะ’ มองว่า หาก ‘พัฒนา’ ไม่เสียชีวิต ‘ธนาธร’ คงไปสาย ‘เอ็นจีโอ’ ไม่มาทำงาน ‘การเมือง’ เพราะอยากเห็นโลกที่สมบูรณ์แบบ พร้อมยืนยันว่า ‘ธนาธร’ เป็น “คนดี” ดังนั้น ‘อาเจ็กสุริยะ’ ก็คือคนที่อ่าน ‘หลานเอก’ ออกทั้งหมด เพราะเห็นมาตั้งแต่เด็ก
สายสัมพันธ์ระหว่าง ‘ทักษิณ-ตระกูลจึงรุ่งเรืองกิจ’ ถูกส่งต่อจาก ‘รุ่นพ่อแม่-อา’ มาสู่รุ่น ‘ลูก’ ผ่าน ‘ธนาธร’ ที่เป็น ‘ตัวละครสำคัญ’ ดังนั้นการที่ ‘ทักษิณ’ ออกมาย้อนศร ‘พรรคประชาชน’ จึงมองได้ 2 มิติ คือ บทละครการเมือง และเข้าสำนวนที่ว่า ‘ไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่’ ไม่มีสิ่งใดที่ต้อง ‘แปลกประหลาดใจ’ เพราะทั้งหมดนี้ ‘คนกันเอง’ ทั้งนั้น
ทั้งหมดนี้ สายสัมพันธ์ ‘แซ่คู (ชินวัตร)’ กับ ‘แซ่จึง’ ที่ส่งต่อรุ่นสู่รุ่น ในยุคที่ ‘การเมือง’ มีสูตรพิสดารข้ามขั้วเกิดขึ้น แต่มีทางไปให้ ‘ตระกูลจึง’ ทั้งสองทาง