เรียกว่าเป็น ‘จังหวะชีวิต’ ที่ลิขิตเอง สำหรับ ‘บิ๊กต่าย’พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ว่าที่ ผบ.ตร. คนที่ 15 หลัง ก.ตร. มีมติเอกฉันท์เห็นชอบให้ ‘บิ๊กต่าย’ ดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. ด้วยตามหลักเกณฑ์อาวุโสที่สุด เกษียณฯปี 69 จบ ตท.25 นายร้อย ตร. รุ่น 41
ภายหลัง ‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล อดีตรอง ผบ.ตร. ที่พ้นจาก ตร. ก็ทำให้ ‘บิ๊กต่าย’ ทางสะวดก ซึ่งที่ผ่านมา ‘บิ๊กต่าย’ ต้องรับบท ‘หนังหน้าไฟ’ กลางศึกระหว่าง ‘บิ๊กโจ๊ก’ กับ ‘บิ๊กต่อ’พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล อดีต ผบ.ตร. ที่เกษียณฯ 30ก.ย.67 ซึ่งทั้งคู่ต่างมี ‘ชนักติดหลัง’ แม้จะพ้น ตร. ในวิถีทางต่างกัน ก็ยังต้องสู้คดีต่อไป
สำหรับ ‘บิ๊กต่าย’ ถูกมองว่าเป็น ‘สายแข็ง’ ตามไลน์ ผบ.ตร. ที่วางไว้ นับตั้งแต่ยุค ‘บิ๊กแป๊ะ’พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ตท.20 ที่ส่งต่อให้ เพื่อน ตท.20 ‘บิ๊กปั๊ด’พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข จากนั้นส่งให้รุ่นน้อง ตท.22 ‘บิ๊กเด่น’พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ก่อนจะส่งต่อให้ ‘บิ๊กต่อ’พล.ต.อ.ต่อศักดิ์ สุขวิมล ที่ไม่ได้จบ ‘เตรียมทหาร’ แต่เป็น ‘สิงห์แดง’ จบคณะรัฐศาสตร์ มธ. ซึ่งชื่อ ‘บิ๊กต่อ’ เรียกว่ามาแบบ ‘Fast Track’ ตั้งแต่เติบโตในรั้ว ตร. มาแล้ว
ซึ่ง ‘บิ๊กต่าย’ ได้มาล้างอาถรรพ์ให้กับ ตท.25 ที่ถูกมองว่าเป็น ‘รุ่นโลกลืม’ ทั้งใน ‘กองทัพ-ตำรวจ’ โดนรุ่นพี่-รุ่นน้อง ตท. ด้วยกันเบียดกันโต การขึ้นเป็น ผบ.ตร. ของ ‘บิ๊กต่าย’ จึงมีความหมาย เพราะเป็น ผบ.เหล่าทัพ คนแรกของรุ่น ส่วนจะมีเพื่อน ตท.25 ได้เป็น ผบ.เหล่าทัพ อีกหรือไม่ ก็อยู่ที่ ‘จังหวะ’ ของแต่ละเหล่าทัพ ที่ขณะนี้มี ตท.25 ที่เป็นแคนดิเดต ผบ.ทอ. และ ผบ.ทร. อยู่ด้วยกัน 4 คน
กองทัพเรือ พล.ร.อ.พิจิตต ศรีรุ่งเรือง (ตท.25) ผู้ช่วย ผบ.ทร. และ ‘ผบ.เดี่ยว’ พล.ร.อ.ณัฏฐพล เดี่ยววานิช (ตท.25) ผู้บัญชาการกองเรือยุทธการ ซึ่งทั้งคู่เกษียณฯปี 69
นอกจากนี้ยังมี ตท.25 อีกคน คือ พล.ร.อ.สุชาติ ธรรมพิทักษ์เวช ผบ.ทัพเรือภาค 3 เกษียณฯปี 70 ที่ขึ้นเป็น ที่ปรึกษาพิเศษ ทร. ตำแหน่งเดียวกับ ‘บิ๊กแมว’พล.ร.อ.จิรพล ว่องวิทย์ ก่อนขึ้นเป็น ผบ.ทร.
ภายหลัง ‘บิ๊กดุง’พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม อดีต ผบ.ทร. ได้เลือก ‘บิ๊กแมว’ ขึ้นเป็น ผบ.ทร. เรียกได้ว่าอะไรก็เกิดขึ้นได้ หากเป็น ‘พลเรือเอก’ ก็มีโอกาสทุกคน ไม่จำเป็นต้องอยู่ใน ‘5 ฉลาม ทร.’ อีกทั้ง ‘จบนอก’ ก็ได้เป็น ผบ.ทร. เพราะ ‘บิ๊กแมว’ จบ ร.ร.นายเรือเยอรมัน เมอร์วิค ได้ทำการ ‘แหวกม่านประเพณี’ ไปเรียบร้อยแล้ว
แต่ใช่ว่า ‘ทางจะสะดวก’ สำหรับ ตท.25 ที่จะขึ้นเป็น ผบ.ทร. โดยในกองทัพเรือ ต้องชิงกับ พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ รองเสธ.ทร. (ตท.24) ที่ขึ้นเป็น เสธ.ทร.
แต่สำหรับ ตท.25 ที่เจ็บหนัก คือ ‘บิ๊กวิน’พล.ร.อ.สุวิน แจ้งยอดสุข ที่รอขึ้นเป็น ผบ.ทร. มา 2 ปี แม้จะอาวุโสที่สุด เพราะติดยศ ‘พลเรือเอก’ ก่อนพี่ๆ แต่เป็นคนละสายกับ ‘ขั้วอำนาจ ผบ.ทร.’ ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สุดท้ายไปไม่ถึงฝัน ผบ.ทร. แถมโดนเตะออก ทร. ไป บก.กองทัพไทย นั่ง รอง ผบ.ทหารสูงสุด รอเกษียณฯ 30ก.ย.68
กองทัพอากาศมี ตท.25 คือ ‘บิ๊กปื๊ด’พล.อ.อ.ไวพจน์ เกิงฝาก ผบ.กองบัญชาการควบคุมการปฏิบัติการทางอากาศ (คปอ.) ภายหลังจาก คปอ. เป็นหน่วยที่ถูก ‘ยกระดับ’ จาก ‘กรม’ มาเป็น ‘กองบัญชาการ’ ทำให้ตำแหน่ง ผบ.คปอ. เทียบเท่า 5 ฉลาม ทอ.
ซึ่ง พล.อ.อ.ไวพจน์ มีคู่แคนดิเตด ผบ.ทอ. คือ ‘ผู้ช่วยคิม’พล.อ.อ.เสกสรร คันธา (ตท.26) ผู้ช่วย ผบ.ทอ. เกษียณฯปี 71 ทว่าที่ผ่านมา แคนดิเดต ผบ.ทอ. ที่เคยเป็น ‘ผู้การ กองบิน 4’ มัก ‘ฝ่าอาถรรพ์’ ไม่ได้ แต่ ‘เสธ.คิม’ อาจเป็นคนแรก เพราะเต็งหนึ่ง ผบ.ทอ. มาแต่ต้น
‘เสธ.แอน’พล.อ.อ.วชิระพล เมืองน้อย (ตท.27) เสธ.ทอ. การันตีด้วยผลงาน สมัยเป็นเจ้ากรมยุทธการ ทอ. ในการพิจารณาคัดเลือก ‘เครื่องบินขับไล่’ ระหว่าง F-16 Block 70 กับ Gripen E ที่ได้ ‘บทสรุป’ เป็น Gripen E เรียกว่าทั้งคู่เป็น ‘คีย์แมน’ มือทำงาน ของ ‘บิ๊กไก่’ พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล ผบ.ทอ.
สำหรับกองทัพบก แม้จะเข้ายุค ตท.26 เรียบร้อยแล้ว หลัง ‘บิ๊กปู’พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ขึ้นเป็น ผบ.ทบ. นั่งยาว 3 ปี เกษียณฯปี 70 แต่ในระนาบ ‘5 เสือ ทบ.’ ก็มี ‘รุ่นพี่ ตท.25’ ได้โตขึ้นมา ได้แก่ ‘บิ๊กชาย’พล.อ.วสุ เจียมสุข ผู้ช่วย ผบ.ทบ. และ และ ‘บิ๊กธง’พล.อ.ธงชัย รอดย้อย เสธ.ทบ. ตามสูตร ‘กระจายรุ่น’ ไม่ให้น้ำหนักเทไปรุ่นใดรุ่นหนึ่งมากจนเกินไป
ส่วน ตท.25 ที่เติบโตใน ตร. เช่น พล.ต.ท.กรไชย คล้ายคลึง ผู้ช่วยผบ.ตร. , พล.ต.ท. อัคราเดช พิมลศรี ผู้ช่วย ผบ.ตร. เป็นต้น ส่วน ‘บิ๊กหลวง’พล.ต.ท.ภาณุรัตน์ หลักบุญ อดีต ผู้ช่วย ผบ.ตร. ได้โอนข้ามห้วยเป็น ‘ขรก.พลเรือน’ นั่งเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ตั้งแต่ปี 66
นอกจากนี้ยังมี ตท.25 ที่อยู่ ‘นอกราชการ’ ทำงานสายการเมือง 2 คน คือ ‘ผู้กองนัส’ร.อ.ธรรมนัส พรหมผ่า อดีต รมว.เกษตรฯ ที่สัมพันธ์ร้าวกับ ‘ขั้วบ้านป่ารอยต่อ’ ไปเรียบร้อย ไปตั้งรังใหม่ชื่อ ‘พรรคกล้าธรรม’
ส่งตัวแทนไปร่วม ‘รบ.แพทองธาร’ 3 คน คือ ‘นฤมล ภิญโญสินวัฒน์’ หัวหน้าพรรคกล้าธรรม นั่ง รมว.เกษตรฯ ‘อัครา พรหมเผ่า’ น้องชาย ร.อ.ธรรมนัส ที่เป็น ‘สมาชิกเพื่อไทย’ ไปนั่ง รมช.เกษตรฯ และ ‘อิทธิ ศิริลัทธยากร’ รมช.เกษตรฯ ที่เป็นบิดาของ ‘อรรถกร’ สส.พลังประชารัฐ มุ้งของ ร.อ.ธรรมนัส
ทั้งหมดนี้เหตุเพราะชนักคดีในอดีตที่ติดหลังของ ร.อ.ธรรมนัส ทำให้ต้องยอมถอยไม่ร่วม ครม. ชุดใหม่ แต่ก็ได้ใจ ‘นายใหญ่’ ได้รับ ‘ปูนบำเหน็จ’ มาถึง 3 เก้าอี้รัฐมนตรี
อีกคนคือ ‘เสธ.หิ’หิมาลัย ผิวพรรณ ผู้อำนวยการพรรครวมไทยสร้างชาติ ที่ทำงานใกล้ชิด ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’หัวหน้า รทสช. สำหรับ ‘เสธ.หิ’ เติบโตมาจาก ร.21 รอ. เป็นรุ่นน้องสายทหารเสือฯ ของ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เข้ามาช่วยงาน ‘บิ๊กตู่’ ตั้งแต่สมัยทำพรรคพลังประชารัฐ เมื่อ ‘บิ๊กตู่’ แยกมาตั้ง รทสช. ก็ทำให้ เสธ.หิ ย้ายตามมาด้วย แม้จะอยู่คนละขั้วกับ ‘ผู้กองมัส’ แต่ในฐานะ ‘เพื่อน’ ก็คุยกันได้ทุกเรื่อง แต่เรื่องการเมืองอาจมี ‘เว้นระยะ’ กันอยู่บ้าง
ทั้งหมดนี้คือแผงอำนาจ ตท.25 ที่ ‘ฟื้นคืนชีพ’ ภายใน ‘กองทัพ’ โดยเฉพาะ ตร. ที่ฝ่าอาถรรพ์ได้ ผบ.เหล่าทัพ คนแรกของรุ่น ที่ต้องลุ้นจะได้เพิ่มอีกหรือไม่
ในสายการเมืองก็มี ‘ผู้กองนัส-เสธ.หิ’ เป็นคีย์แมนการเมืองให้ ‘นาย’ คนละคน ด้วยผลพวงคำตัดสินศาล รธน. กรณี ‘เศรษฐา ทวีสิน’ จึงทำให้ ตท.25 นอกราชการทั้ง ‘ผู้กองนัส-เสธ.หิ’ ต้องทำการเมือง ‘ข้างหลัง’ มากกว่า ‘ข้างหน้า’ ไปยาวๆ
