มือปราบมาเฟีย! ตัวจริง Vs ตัวปลอม

5 พ.ย. 2566 - 10:38

  • เมื่อลูกเขยมือปราบผู้มีอิทธิพล ‘ชาดา ไทยเศรษฐ์’ ถูกจับคาบ้านข้อหาข่มขู่ เรียกสินบน 6 แสนบาท ผู้รับเหมาวางท่อประปา

  • จึงได้เห็นมือปราบมาเฟียตัวจริง เสียงจริง ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ลุยจับผู้มีอิทธิพลในคราบนักการเมืองท้องถิ่น

Mafia-buster-Jirapop-Vs-Chada-SPACEBAR-Hero.jpg

วันที่ 24 ตุลาคม ที่ผ่านมา ลูกเขยนายชาดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยคือ นายวีระชาติ รัศมี นายกเทศมนตรีตำบลตลุกดู่ อำเภอทัพทัน จังหวัดอุทัยธานี ถูกตำรวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ[(บก.ปปป.) และหน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาร กองปราบปรามบุกเข้าจับตัวถึงบ้าน ด้วยข้อหาเรียกสินบน 600,000 บาท จากผู้รับเหมาก่อสร้าง ที่ชนะประมูลโครงการวางท่อประปา ซึ่งถูกนายวีระชาติ เรียกสินบน แลกกับการเลิกข่มขู่ ขัดขวางไม่ให้ทำโครงการ 

พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผู้บังคับการ บก.ปปป.โทรศัพท์ไปหานายชาดาว่า ให้นายวีระชาติ ลาออกจากตำแหน่งไปเสีย ไม่ใช่แค่ถูกพักการทำหน้าที่ คืนวันที่ 25 ตุลาคม นายวีระชาติ จึงลาออกหลังจากได้รับการประกันตัว

“ลาออกตามคำสั่งพ่อตาที่ถ่ายทอดมาจาก ผู้บังคับการ บก ปปป ไม่ใช่ออกเพราะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยสั่ง”

บก.ปปป และกองปราบปราม เป็นหน่วยงานสังกัด กองบัญชาการการตำรวจสอบสวนกลาง ซึ่ง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช เป็นผู้บัญชาการ เป็นลูกหม้อสอบสวนกลางขนานแท้ เริ่มรับราชการเป็นรองสารวัตร บก.ปปป. ย้ายไปอยู่กองปราบ เป็นผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยวภูเก็ต ย้ายกลับมากองปราบ ก่อตั้งหน่วยปฏิบัติการพิเศษหนุมาร เป็นผู้บังคับกองปราบปรามเมื่อเดือนตุลาคม ปี 2561 ปีต่อมา เป็นรองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และขึ้นเป็นผู้บัญชาการ เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ 2564 ตอนอายุแค่ 46 ปี

พล.ต.ท จิรภพ ทำคดีสำคัญๆ หลายคดี เช่น คดียักยอกเงินในสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้า ลาดกระบัง คดีสังหาร สมยศ สุธางค์กูร เจ้าพ่อคาเฟ่ คดี พ.ต.ท บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ อดีต สส. นครสวรรค์ กรณีอุ้มฆ่าพี่ชายผู้พิพากษา และวางแผนแหกคุก 

ล่าสุดก่อนจับลูกเขยชาดา คือ คดีลูกน้องกำนันนก หรือนายประวีณ จันคล้าย กำนันตำบล ตาก้อง จังหวัดนครปฐม  ยิงสารวัตรแบงก์ พ.ต.ต ศิวกร สายบัว  สารวัตรทางหลวง เมื่อต้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา

การจับนายวีระชาติ ไม่ใช่คดีแรกที่ ตำรวจสอบสวนกลางคือ บก.ปปป.และกองปราบ จับนักการเมืองท้องถิ่นที่ทุจริต เคยมีหลายคดีแล้ว ล่าสุดก่อนหน้านี้คือ จับนายก อบจ. จันทบุรีและเจ้าคณะอำเภอสอยดาว ข้อหาโกงเงินบริจาค

การจับนายวีระชาติ วางแผนมาตั้งแต่เดือนกันยายน โดย บก​.ปปป. ปิดเป็นความลับ เพื่อไม่ให้ข่าวรั่วออกไปก่อน แม้ว่า นายชาดา รมช.มหาดไทย จะได้รับมอบหมายจากนายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้เป็นมือปราบผู้มีอิทธิพล คือ เป็นรองประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามผู้มีอิทธิพล ตั้งแต่วันที่ 22 กันยายน แต่นายชาดามารู้ก็ต่อเมื่อลูกเขยโดนจับแล้ว

คงจะกลัว จุดไต้ตำตอ จึงไม่แจ้งให้มือปราบมาเฟียรู้ก่อน!!!

ผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานีกับตำรวจกองปราบปราม  เหมือนไก่เห็นตีนงู งูเห็นนมไก่ รู้ไส้รู้พุงกันหมดว่า ใครเป็นใคร

สมัยเป็นผู้กำกับกองปราบ เมื่อเดือนพฤษภาคมปี 2560  พ.ต.อ จรูญเกียรติ ยศในขณะนั้น เคยนำทีมตรวจค้นรถนายชาดา กับพวกรวม 8 คัน ที่มางานศพ ในอำเภอหนองขาหย่าง รถที่นายชาดานั่งมาขับหนี แต่ตำรวจตามจับได้ ตรวจค้นพบอาวุธปืนหลายกระบอก

การตรวจครั้งนั้นเป็นไปตามนโยบาย การปราบปรามผู้มีอิทธิพลและมือปืนรับจ้าง เพื่อลดปัญหาอาชญากรรม 

ก่อนหน้านั้นในเดือนมีนาคม ตำรวจกองปราบปรามและทหารเปิดยุทธการไพร่ฟ้าหน้าใส เข้าตรวจค้นบ้านผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานี 30 จุด รวมทั้งบ้านนายชาดาด้วย โดยค้นพบอาวุธสงครามจำนวนหนึ่ง

นายชาดาเคยถูกจับข้อหาจ้างวานฆ่า นายสมเกียรติ จันทร์หิรัญ นายกอบต. เนินแจง และเลขานุการของนายประแสง มงคลศิริ อดีต สส. อุทัยธานี พรรคไทยรักไทย เมื่อ ปี 2546  แต่ศาลยกฟ้องในปี 2548

วันที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2555 เขาถูกลอบยิงที่ปากช่อง โคราช แต่ผู้รับเคราะห์แทนคือ ลูกชายที่นั่งมาในรถที่มือปืนคิดว่า เป็นรถนายชาดา ถูกยิงเสียชีวิต นายชาดารอด เพราะวันนั้นอยู่บนรถอีกคัน

นับเป็นความสูญเสียคนในครอบครัวครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง ในวัยเด็ก พ่อของนายชาดาถูกยิงตายตอนที่เขาอายุเพียง 7 ขวบ อีก 7 ปีต่อมา ทั้งแม่และพี่ชายก็โดนฆ่าตายอีก ชีวิตของนายชาดาจึงเติบโตมาท่ามกลางห่ากระสุน คาวเลือดและความตาย

ในยุคที่การเลือกตั้งคือประชาธิปไตย ประชาธิปไตยคือการเลือกตั้ง การเมืองท้องถิ่นกลายเป็นบันไดขั้นแรกให้ผู้มีอิทธิพลฟอกตัวเองให้ขาวสะอาด ปกปิดเบื้องหลังแปลงโฉมเป็นนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง ต่อยอดไปเป็น สส.ผู้ทรงเกียรติ ในสภา ใครที่ใจถึง พึ่งได้ ก็อาจก้าวสูงขึ้นไปเป็นรัฐมนตรี

ชาดาซึ่งสืบทอดกิจการค้าเนื้อจากพ่อ หันมาเล่นการเมืองท้องถิ่น จนได้เป็นนายกเทศมนตรีอุทัยธานี แล้วกระโจนลงสู่สนามการเมืองระดับชาติ เป็น สส. อุทัยธานี ปี 2550 ในนามพรรคชาติไทย เป็น สส. ปี 2554  สังกัดพรรคชาติไทยพัฒนา และย้ายมาพรรคภูมิใจไทย เป็น สส. ในปี 2562

ชาดามีชื่อเป็นรัฐมนตรีโควตาพรรคภูมิใจไทย ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ปี 2562  แต่ภูมิหลัง ภาพลักษณ์ ผู้มีอิทธิพลที่เคยถูก คสช. สั่งตรวจค้นบ้าน ทำให้ผู้มีอำนาจใน คสช.ไม่อาจรับได้ ต้องส่งน้องสาว มนัญญา ไทยเศรษฐ์ รับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์แทน 

จนมาถึงการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ที่พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำ การจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีใช้หลักอิทธิพล บารมี การตอบแทนผู้มีพระคุณเป็นเกณฑ์ว่าใครจะได้เป็นรัฐมนตรีโดยไม่สนใจว่า คนที่ถูกเลือกเป็นรัฐมนตรี มีความรู้ ทำงานเป็น ไม่มีเบื้องหลังอันน่ากังขาหรือไม่

พรรคภูมิใจไทยได้รับโควตากระทรวงมหาดไทย และได้เลือกให้ชาดารัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ท่ามกลางความขมขื่นของนักปกครองที่พูดไม่ออก บอกไม่ถูก ที่มีผู้บังคับบัญชาเป็นผู้มีอิทธิพลในจังหวัดอุทัยธานี

การอภิปรายคัดค้านการแก้ไข มาตรา 112  ของพรรคก้าวไกลอย่างดุเดือด ในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งแรกวันที่ 13 กรกฎาคม ที่พรรคก้าวไกล เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกฯ เป็นที่ชื่นชอบของประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข ม112  เป็นกระแสบวกที่ปูทางให้เส้นทางสู่เก้าอี้เสนาบดีของผ้มีอิทธิพลแห่งลุ่มน้ำสะแกกรัง เป็นไปอย่างราบรื่น

เมื่อเกิดกรณีสารวัตรแบงก์ถูกลูกน้องกำนันนกยิงตายในงานเลี้ยง ทำให้เรื่องมาเฟีย ผู้มีอิทธิพลถูกพูดถึงมาก  พรรคภูมิใจไทยจึงขี่กระแสสังคม มอบหมายให้ ชาดา เป็นผู้มีหน้าที่ปราบปรามผู้มีอิทธิพล เป็นการสร้างผลงานแบบผักชีโรยหน้า เพราะชาดาไม่มีอำนาจอะไรเลยที่จะไปปราบปรามผู้มีอิทธิพล ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้รับมอบหมายให้คุมกรมที่ดิน กรมพัฒนาชุมชน และการประปาส่วนภูมิภาคเท่านั้น อีกทั้งตัวเองยังมีภาพว่า เป็นผู้มีอิทธิพลตัวจริง

การบุกจับลูกเขยชาดาของ บก.ปปป. และกองปราบปราม ภายใต้นโยบายปรามปรามผู้มีอิทธิพล ของ พล.ต.ท จิรภพ ภูริเดช ผู้บัญชาการกองบัญชาการสอบสวนกลาง คือการส่งสัญญาณให้รู้กันชัดๆ ว่า ใครคือมือปราบมาเฟียตัวจริง ที่ไม่แคร์ว่าใครใหญ่มาจากไหน!!!

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์