ถามมาตอบไป! แก้ยังไง ‘ราคาน้ำมัน-ค่าไฟแพง’

25 ก.ค. 2567 - 08:45

  • ‘ก้าวไกล’ บี้ถาม ‘รมว.พลังงาน’ มาตรการแก้ปัญหาราคาน้ำมันแพง

  • หวั่นกองทุนน้ำมันแบกส่วนต่างราคา สุ่มเสี่ยงล้มละลาย

  • ถามกล้าขอ ‘พรรคร่วมรัฐบาล ใช้ ‘งบกลาง’ แก้ค่าไฟแพง-ช่วยประชาชนหรือไม่

  • ‘พีระพันธุ์’ วอนสภาฯ ช่วยผ่าน ‘กฎหมายกองทุนน้ำมัน’ ให้ราคาถูกลง

  • ขณะที่ค่าไฟประชาชนพอใจหน่วยละ 4.18 บาท

mfp-asked-Minister-of-Energy-about-solving-of-high-oil-and-electricity-prices-SPACEBAR-Hero.jpg

ถือเป็นเรื่องที่ส่งผลกระทบต่อประชาชนอย่างแสนสาหัส สำหรับปัญหา ‘ราคาน้ำมัน-ค่าไฟแพง’ ดังนั้น ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันนี้ ช่วงกระทู้ถามสด ศุภโชติ ไชยสัจ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล จึงได้ตั้งกระทู้ถาม พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน ถึงกรณีราคาน้ำมันที่ประชาชนต้องจ่ายแพง ถ้าเป็นแก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละเกือบ 40 บาท, น้ำมันดีเซล ลิตรละ 33 บาท

เชื่อว่าทุกคนเคยได้ยินเสียงก่นด่าของประชาชนว่า ราคาน้ำมันแพงขนาดนี้ พวกเขารับไม่ไหว ล่าสุด ที่รัฐออกมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซลไว้ที่ ลิตรละ 33 บาท แต่รัฐมีมาตรการมาช่วยกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซินหรือไม่ เพราะมาตรการที่ออกมา กำลังสร้างผลกระทบเชิงลบในระยะยาว จึงอยากถามว่า รมว.พลังงาน ไม่มีมาตรการที่ดีกว่านี้แล้วหรืออย่างไร เพราะผมเห็นว่าท่านกำลังทำแบบเดิม ๆ ที่ให้กองทุนน้ำมันเข้ามาแบกรับส่วนต่างทางด้านราคา

ศุภโชติ ไชยสัจ

ศุภโชติ บอกว่า ตอนนี้กองทุนน้ำมันติดลบกว่า 1.1 แสนล้านบาท ถือเป็นกองทุนที่สุ่มเสี่ยงต่อการล้มละลายเป็นอย่างยิ่ง โดยที่กองทุนไม่มีแผนการชำระหนี้ หรือที่จะมีการลดภาษีสรรพสามิตร ท่านทราบหรือไม่ เพราะกรมสรรพสามิตร รายงานว่า 9 เดือนที่ผ่านมา เก็บรายได้พลาดเป้าไปแล้ว 6 หมื่นล้านบาท มาจากภาษีน้ำมันอย่างเดียว 2.5 หมื่นล้านบาท ถ้ายังจะใช้กลไกลเดิมลดภาษีสรรพสามิตรแบบนี้ ประเทศก็จะเก็บรายได้ได้น้อยลง จึงอยากถามพรรคร่วมรัฐบาลว่า ถ้าเก็บรายได้น้อยลงแล้ว เงินที่จะใช้กับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตจะพอหรือไม่

ขอถาม รมว.พลังงาน ว่า นอกจากกลไกลอย่างกองทุน หรือการลดภาษีสรรพสามิตรแล้ว มีมาตรการหรือวิธีการอื่นอย่างไร ที่จะช่วยลดราคาน้ำมันอย่างไร และมีมาตรการช่วยเหลือกลุ่มผู้ใช้น้ำมันเบนซิน โดยเฉพาะผู้ใช้มอเตอร์ไซค์อย่างไร

ศุภโชติ ไชยสัจ

ทางด้าน พีระพันธุ์ ​ชี้ให้เห็นถึงปัญหาจากกฎเกณฑ์กติกาที่ใช้มากว่า 40 ปี โดยที่ไม่มีการปรับปรุงแก้ไข จึงใช้แต่เงินกองทุนน้ำมัน พร้อมอธิบายถึงเนื้อน้ำมันทุกประเทศเหมือนกันหมด แต่ราคาที่ขายหน้าปั๊มแต่ละประเทศที่ต่างกันอยู่ที่รัฐบาล และวิธีการจัดการที่สำคัญคือ การเก็บภาษีจากรัฐบาล จึงทำให้ราคาปลายทางต่างกัน

แต่ประเทศไทย พิเศษกว่าประเทศอื่น เพราะในอดีตที่ผ่านมา ราคาแก๊สโซฮอลล์ ถูกกว่าน้ำมัน นโยบายเพื่อช่วยเกษตรกร และวันนี้นโยบายดังกล่าวก็ยังอยู่ แต่ปัจจุบัน ราคาเอทานอล ผสมกับ ไบโอดีเซล แพงกว่าน้ำมัน ทำให้เราต้องเอาของที่แพงกว่าน้ำมันมาผสมกับของที่ถูกกว่า เพราะฉะนั้น เนื้อน้ำมันของเราราคาประมาณลิตรละ 21 บาทกว่า เพราะมีสองส่วนนี้มาผสม

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

ส่วนในเรื่องภาษี หากจะช่วยประชาชนก็ต้องเก็บพอสมควร แต่ถ้าต้องการหารายได้เข้ารัฐก็ต้องเก็บมาก ซึ่งส่วนทางกัน ดังนั้น จะทำอย่างไรถึงจะอยู่ในความพอดี 

พร้อมอธิบายอีกว่า ปัจจุบันมี 3 ประเทศที่เก็บภาษีสรรพสามิตร ไทยเก็บ 5.99 บาท, สิงคโปร์ 5.54 บาท, เวียดนาม 1.70 บาท แต่รายได้ปราชากรต่อหัวต่างกัน และของไทยยังมีภาษีบำรุงท้องถิ่นอีก 60 สตางค์ รวมทั้งยังมีภาษีมูลค่าเพิ่ม และเงินเข้ากองทุนอนุรักษ์พลังงาน เมื่อผู้ค้าน้ำมันจ่ายภาษีตรงนี้ แล้วเอาไปขายให้ปั้มน้ำมัน ก็โดนภาษีอีกรอบ

ระบบภาษีของเราทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาษีสองต่อ ตรงนี้ทำให้ราคาเพิ่มมาอีกเกือบ 20 บาท จึงทำให้น้ำมันแก๊สโซฮอลล์ ราคาเกือบลิตร 40 บาท ส่วนดีเซลถ้าไม่ตรึงราคา ก็ไม่ใช่ลิตรละ 33 บาท ผมจึงไม่คิดว่าการใช้เงินมายันน้ำมันเป็นสิ่งที่ถูกต้อง แต่ถ้าปล่อยให้เป็นไปตามธรรมาชาติ ประชาชนก็ต้องแบกรับภาระ จึงต้องคิดว่าจะแก้ปัญหาอะไร ผมจึงกำลังแก้ไขกฎหมายกองทุนน้ำมันมาใหม่ เพื่อให้รู้ต้นทุนน้ำมัน เพื่อไม่ให้ประชาชนแบกรับภาระมากเกินไป และรัฐมีรายได้ ดังนั้น เมื่อกฎหมายฉบับนี้เข้าสภาฯ ขอให้ช่วยให้ผ่านด้วย

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

สส.พรรคก้าวไกล ยังตั้งคำถามเรื่องปัญหาค่าไฟแพง โดยชี้ให้เห็นถึงกรณีสำนักงานกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เผยว่า ค่าไฟมีสิทธิ์จะขึ้นไปถึงหน่วยละ 4.60 บาท หรือแย่ที่สุด หน่วยละ 6 บาท ทั้งที่ต้นทุนอยู่ที่หน่วยละ 4 บาท  การที่ กกพ.เรียกเก็บ 4.60 บาท เป็นอย่างน้อย เพราะต้องเอาเงินไปใช้หนี้จากมาตรการในอดีต ที่ให้ กฟผ.และ ปตท.แบกรับหนี้ก้อนนี้เอาไว้ จนปัจจุบัน หนี้ใกล้เคียงกับกองทุนน้ำมันแสนกว่าล้านบาท

แต่รัฐบาลยังไม่มีมติชำระหนี้ก้อนนี้ เพื่อตรึงค่าไฟ้อยู่ที่ 4.18 บาท หากในอนาคตยังใช้กลไกลแบบเดิม หนี้ก็จะขยายไปถึง 2 แสนล้านบาทได้ จึงอยากถามว่า จะเอาอย่างไรกับหนี้เก่าและหนี้ใหม่ในอนาคต

ขอเสนอให้กล้าคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ว่า จำเป็นหรือยังที่ต้องตั้งงบกลางเพื่อช่วยลดค่าไฟให้กับประชาชน แทนที่จะเอาเงินไปทำดิจิทัลวอลเล็ต อย่าเอา ‘งบกลาง’ ไปทำนโยบายของพรรคเขาเพียงพรรคเดียว ถ้าพรรคใหญ่ไม่ให้ใช้ ‘งบกลาง’ ท่านก็ต้องคุยกับนายทุนพลังงาน เจ้าของโรงไฟฟ้า ที่ขายไฟฟ้าไม่เป็นธรรมกับประชาชน

ศุภโชติ ไชยสัจ

ส่วนทาง รมว.พลังงาน ชี้แจงว่า ปัญหาของไฟฟ้า คือ สัญญาที่ทำกันก่อนที่จะมาเป็นรัฐมนตรี ปัจจุบันได้ให้คณะกรรมการกฤษฎีกาและหน่วยงานที่เกี่ยวกับดูสัญญาต่าง ๆ ว่าจะสามารถปรับแก้อย่างไรได้บ้าง ส่วนเรื่องภาระของการไฟฟ้า เป็นหน่วยงานของรัฐไม่จำเป็นต้องหากำไรมาแบ่งปันให้ผู้ถือหุ้น แต่ต้องมีเงินส่งกระทรวงการคลัง และต้องดูแลประชาชนไม่ให้แบกภาระ

ซึ่งราคาค่าไฟ 4.18 บาท ในงวดปัจจุบัน คิดว่าประชาชนก็พอใจ แต่ไม่ได้สร้างความเสียหายให้ใคร ในงวด 4.18 บาท การไฟฟ้าฝ่ายผลิตมีเงินไปใช้หนี้ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท งวดต่อไปอีกประมาณ 3 พันกว่าล้านบาท

จากที่มีการพูดคุยกันการไฟฟ้าฯ และ ปตท. คิดว่าสามารถดูแลต่อไปได้เพื่อให้ประชาชนไม่ลำบาก จึงไม่ต้องเป็นห่วง แต่กำลังคิดว่าจะทำอย่างไรให้ราคาค่าไฟถูกลง

พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์