ณิชากานต์ รักวงษ์ฤทธิ์ ผู้แทนพันธมิตรชานมประเทศไทย และเครือข่ายประชาชนไทยเพื่อคนพม่า พร้อมคณะ เข้ายื่นหนังสือที่รัฐสภาต่อ รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) ความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร เพื่อขอให้พิจารณาสนับสนุนข้อเรียกร้องจากภาคประชาสังคม
กรณีที่ประเทศไทยถูกกล่าวถึงในการให้บริการทางการเงิน และให้การสนับสนุนในการจัดหาอาวุธและยุทโธปกรณ์ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมา
ทางตัวแทนเครือข่ายฯ มีความกังวลอย่างมากต่อความนิ่งเฉยของรัฐบาลไทยในขณะนี้ จึงได้ร่วมกับ 240 องค์กรภาคประชาสังคมในเมียนมา และองค์กรระหว่างประเทศ ออกแถลงการณ์ร่วมกันจากความขัดแย้ง และการละเมิดสิทธิมนุษยชนที่เกิดขึ้นในประเทศเมียนมานั้น จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตร ซึ่งเป็นการตัดการเข้าถึงการบริการทางการเงินระหว่างประเทศของเผด็จการหทารเมียนมา และการเข้าถึงรายได้จากก๊าซ และขอเรียกร้องให้ ปตท.ยุติการมีส่วนร่วมในการสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรงและปิดกั้นรายได้ก๊าซธรรมชาติของเผด็จการทหารของเมียนมา ตามเสียงเรียกร้องของภาคประชาสังคมเมียนมา รัฐบาลเอกภาพแห่งชาติ (NUG) และพรรคก้าวไกล
ณิชากานต์ รักวงษ์ฤทธิ์ ผู้แทนพันธมิตรชานมประเทศไทย
ทางด้าน รังสิมันต์ กล่าวว่า กมธ.ได้ติดตามเรื่องนี้ และพยายามแก้ปัญหา โดยการประชุม กมธ.ครั้งล่าสุด มีสัญญาณค่อนข้างบวกในการแก้ปัญหา โดยได้รับคำชี้แจงว่า ธนาคารไม่ได้รับรู้เรื่องนี้มาก่อน และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศก็ได้ตอบกระทู้ถามสดแล้ว
อย่างไรก็ตาม ไม่ต้องการเห็นการเอาทรัพยากรของประเทศไทย และการใช้ระบบธนาคารของประเทศไทยเข้าไปเกี่ยวข้องกับการซื้อขายอาวุธที่นำไปสู่การฆ่าล้างประชาชนในเมียนมา เชื่อว่าสังคมไทยไม่ยอมรับและไม่ต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ในวันที่ 2 ส.ค. ทาง กมธ.จะเดินทางไปธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และปลายเดือน ส.ค.จะเดินไปที่กระทรวงการต่างประเทศ เพื่อติดตามเรื่องนี้อย่างใกล้ชิด ซึ่งหวังว่าจะได้เห็นรูปธรรมอย่างชัดเจน
รังสิมันต์ โรม