







วุฒิพงศ์ ทองเหลา สส.ปราจีนบุรี ที่ถูกพรรคก้าวไกลขับออก หลังพบพฤติกรรมคุกคามทางเพศ แถลงต่อสื่อมวลชนครั้งที่ 2 ใช่เวลากว่า 40 นาที เพื่อบอกถึงความไม่ชอบมาพากลในการขับตัวเองออกจากพรรคก้าวไกล โดยได้นำภาพหลักฐานที่ชี้ให้เห็นว่า มีความพยายามทำให้ตนเอฝอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ หลังจากไปเจอและสืบทราบว่า ‘ผู้ช่วย ส.’ คนหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันเป็นผู้ช่วย สส. กรรมการบริหารพรรค เกี่ยวพันกับการเอื้อรับผลประโยชน์จากโรงงานกำจัดขยะในพื้นที่ จ.ปราจีนบุรี หลายล้านบาท พร้อมโชว์แชทไลน์หลักฐานและคลิปเสียงการซื้อขายที่ดินดังกล่าว
ก่อนที่จะนำหลักฐานส่วนนี้ให้กับพรรคก้าวไกล เพื่อตรวจสอบการทุจริต แต่กลับถูกเพิกเฉย เนื่องจากมีกรรมการบริหารพรรคท่านหนึ่ง เข้ามาชงเรื่องเอง ทำเองตรวจสอบเอง และสรุปเองว่า ไม่มีความผิด ผมจึงมั่นใจว่า การถูกขับออกเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แน่นอน
พร้อมเปิดภาพให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่างผู้เสียหายที่ร้องสอบพฤติกรรมของตนกับ ‘ผู้ช่วย ส.’ ว่าความสนิทสนมกัน และ ‘ผู้ช่วย ส.’ คนนี้ก็เป็นคนพาผู้เสียหายคนดังกล่าวเข้ามาร้องเรียนผมถึงพรรค รวมถึงเดินสายให้สัมภาษณ์สื่อ ที่อยู่ตรงข้ามพรรคก้าวไกล โดยอ้างว่าตนเองเป็นชาวบ้าน เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการคุกคามทางเพศ ก่อนจะนำไปสู่การขับออกจากพรรค โดยใช้เวลาแค่ 22 วัน จึงไม่แน่ใจว่า ไปเหยียบเท้ากรรมการบริหารพรรคคนไหนหรือไม่ เพราะกรรมการบริหารพรรคท่านนี้ ก็พยายามเข้ามามีบทบาทในการตรวจสอบเรื่องคุกคามทางเพศของตนเอง
ทั้งนี้ วุฒิพงศ์ กล่าวว่า การออกมาแถลงต่อสื่อมวลชนอีกครั้ง ไม่ได้ต้องการขอความเป็นธรรมหรืออุทธรณ์มติพรรคใดๆ เพียงแต่แสดงให้เห็นถึงความไม่ชอบมาพากล และสิ่งที่ตนเองถูกกระทำ เพราะวันนี้ หากผู้แทนไม่สามารถปกป้องตนเองได้ ประชาชนก็ไม่ต้องพูดถึง
นอกจากนี้ยัง อยากจะชี้แจงให้เพื่อน สส. ที่ลงมติขับตนออกเข้าใจข้อเท็จจริง เพราะ บางคนไม่เคยคุยกับผมด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตามตอนนี้อยู่ระหว่างพิจารณา ว่า จะยื่นขอความเป็นธรรมกับ กกต. หรือไม่
เมื่อถามว่าอยากจะฝากอะไรถึงกรรมการบริหารพรรคท่านนั้นหรือไม่ วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ไม่มีแต่อยากพูดถึงพรรคก้าวไกลแบบกว้างๆ ว่า "ผมไม่ได้มีองคาพยพอะไร เชื่อว่าพรรคก็ต้องแถลง อยากจะพูดในมุมที่ให้ยอมรับบ้าง อย่าปฏิเสธ อะไรที่ว่าไม่เคยคุยกันเลย อะไรที่เก็บไว้ซุกไว้ ก็เอาออกมาคุยกันเยอะๆ ปัญหาจะได้ไม่เกิด"
เมื่อถามว่า มีพยานหลักฐานที่แสดงให้เห็นว่าเกิดการทุจริตขึ้นจริงหรือไม่ วุฒิพงศ์ กล่าวว่า มีพยานหลักฐานทุกอย่าง ขาดเพียงสลิปโอนเงิน แต่ไม่ขอลงในรายละเอียด
ตอนนี้ยังไม่ได้มีการตัดสินใจแจ้งความดำเนินคดีกับ ‘ผู้ช่วย ส.’ เพราะอยากให้เห็นกระบวนการของพรรคก้าวไกลมากกว่า
เมื่อถามว่า ‘ผู้ช่วย ส.’ ได้มีการฟ้องหมิ่นประมาทตนเอง ความคืบหน้าเป็นอย่างไร วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ไม่สนใจเรื่องนี้ เพราะเขาไปแจ้งความไว้ตามสถานีตำรวจ และข้อมูลไม่เป็นไปตามความเป็นจริง
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการย้ายเข้าสังกัดพรรคใหม่ตามกรอบเวลา 30 วัน นายวุฒิพงศ์ กล่าวว่า ยังไม่ได้คิด ขอลงพื้นที่พูดคุยกับชาวบ้านก่อน ว่า ชาวบ้านอยากจะให้เข้าสังกัดพรรคไหน
ส่วนที่ มงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ หัวหน้าพรรคไทยศรีวิไลย์ เอ่ยปากชวน เข้าสังกัดพรรคนั้น วุฒิพงศ์ กล่าวว่า มงคลกิตติ์ ถือเป็นรุ่นพี่พระจอมเกล้าพระนครเหนือ แต่ส่วนตัวอยากจะทำงานกับพรรคที่สามารถทำงานได้เต็มที่มากกว่านี้
เมื่อถามว่า ศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติรักแผ่นดิน ออกมาขู่ว่าถ้าพรรคไหนรับเข้าสังกัดพรรค จะร้องยุบพรรคดังกล่าวทันที วุฒิพงศ์ กล่าวว่า ศรีสุวรรณ อาจจะยังไม่ได้เห็นข้อมูลจากฝั่งตน แต่ยืนยันว่าพร้อมชี้แจง
ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ตลอดการสัมภาษณ์ของนายวุฒิพงศ์ บางช่วงบางตอนมีน้ำเสียงสั่นเครือ โดยเฉพาะช่วงที่พูดถึงพรรคก้าวไกล ตาเริ่มแดง