‘ก้าวไกล’ ทวงสัญญาแก้ รธน.จากรัฐบาล

4 เม.ย. 2567 - 04:04

  • ‘ก้าวไกล’ บี้ตามทวงสัญญาแก้ รธน.จากรัฐบาล

  • แฉเตรียมไพ่ไว้กินรวบอำนาจ ดักคอให้รักษาสัจจะต่อประชาชน

moveforward-parliament-4apr2024-SPACEBAR-Hero.jpg

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติขอเปิดอภิปรายทั่วไป เพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอแนะปัญหาต่อคณะรัฐมนตรี(ครม.) โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 152 ตามที่ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร และคณะจำนวน 98 คน เป็นผู้เสนอ ต่อเนื่อง เป็นวันที่ 2 

โดยพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล อภิปรายทวงถามถึงการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่รัฐบาลสัญญาไว้กับประชาชนว่า การกระทำของรัฐบาลเป็นเหมือนตลกหกฉาก โดยฉากสุดท้ายที่ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ตัดสินเกี่ยวกับการประชามติ ไม่ทราบว่า ศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยเมื่อใด ซึ่ง 6 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ ทั้งที่ย้ำว่า มีวิกฤตความเห็นต่างที่จะแก้ไข ข้อสรุปไตรมาสแรก ของปี67 แต่เลยเวลาแล้ว 3-4 วัน แต่ในมิติของรัฐธรรมนูญ อยู่จุดเดิม และให้อำนาจตุลาการเป็นผู้ตัดสินเรื่องดังกล่าว

พริษฐ์ กล่าวต่อว่า หากการแก้ไขรัฐธรรมนูญยังล่าช้าต่อไป อาจสร้างความเสียหายที่ประเทศไทยสูญโอกาสมีรัฐธรรมนูญใหม่ใช้ก่อนการเลือกตั้ง เพราะตามกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่หากรัฐบาลดำเนินการตั้งแต่แรก จะใช้เวลาตามเทอมของรัฐบาลและก่อนการเลือกตั้ง แต่หากต้องรอฟังศาลรัฐธรรมนูญ ที่ผลอาจออกมาได้สองทาง คือ ทำประชามติสองครั้ง เป็นไปได้ ที่จะจัดรัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายประกอบได้ทันกรอบสี่ปี แต่หากทำประชามติสามครั้ง เสี่ยงต้องกลับมาเร่ิมต้นกระบวนการใหม่ และไม่ได้รัฐธรรมนูญใหม่ และกฎหมายประกอบก่อนการเลือกตั้ง

พริษฐ์ อภิปรายว่า ส่วนตัวขอฟันธงว่า แม้มีรัฐธรรมนูญใหม่ในรัฐบาลเศรษฐา แต่รัฐบาลของเศรษฐาที่ตั้งได้ และอยู่ได้จากใบบุญอำนาจเดิม ดังนั้นไม่ไว้ใจให้ประชาชนออกแบบการเมืองและจัดทำกติกาสูงสุดตามที่ประชาชนคาดหวัง ทั้งนี้ ส่วนตัวขอทำนายว่า รัฐบาลจะมีไพ่ไม้ตายที่เตรียมมาใช้ คือ 1.สสร.สูตรผสมจากการเลือกตั้งและแต่งตั้ง เพื่อให้โหวตแข่งในประเด็นที่ต้องการผลักดัน 2.กินรวบคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่หมกเม็ดไว้ใน ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคเพื่อไทย ซึ่งยื่นเมื่อต้นปี 2567 ผ่านกลไกของคณะกรรมการยกร่างรัฐธรรมนูญที่มีสัดส่วนจากรัฐบาลและสส.ฝ่ายรัฐบาลมากกว่าฝ่ายยค้าน และ 3.ด่านทางาผ่านวุฒิสภา ที่ได้สิทธิเห็นชอบเนื้อหาร่างรัฐธรรมนูญที่ สสร.ยกร่าง ก่อนนำไปทำประชามติ แม้ว่าจะมีสว. ชุดใหม่ เชื่อว่ายังยึดโยงกับเครือข่ายอำนาจเดิม

“ผมทำนายว่า รัฐบาลคิดค้นและทยอยใช้เพื่อควบคุมรัฐธรรมนูญใหม่ ทั้งนี้ หากคำทำนายเป็นจริง คือรัฐบาลเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่มากกว่าประชาชน เพราะรัฐบาลผลิตนวัตกรรมล็อกสเปครัฐธรรมนูญ แบบนี้คือประชาธิปไตยที่ขอใบอนุญาต ผมเห็นท่าทีของพรรคเพื่อไทยพยายามออกแบบกลไกให้อำนาจที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งแทรกแซงของถามนายกฯ ที่มาจากพรรคเพื่อไทยว่า เชื่อในอำนาจประชาชนหรือไม่ หากการพ่ายในสนามเลือกตั้งครั้งแรก จึงมองว่าไม่ได้เปรียบในสนามเลือกตั้ง จึงต้องหากระบวนการ” พริษฐ์ อภิปราย

พริษฐ์ อภิปรายด้วยว่า ขอให้รัฐบาลยืนยันว่า จะไม่ต้องการกินรวบ และไม่ต้องขอใบอนุญาตจากสว. ก่อนการทำประชามติ เพื่อให้ความหวังประชาชนที่ต้องการเห็นประชาธิปไตยเต็มใบไม่แตกสลาย ดังนั้นตนขอเสนอแนะต่อการทำประชามติว่า ให้ปฏิเสธคำถามยัดไส้ ต้องตั้งคำถามเปิดกว้าง และสนับสนุน สสร.ที่มาจากการเลือกตั้ง 100% สนับสนุนการแก้ไขรายมาตราให้เป็นประชาธิปไตยและสนับสนุนเร่งแก้ไข พ.ร.บ.ประชามติ ที่รออยู่ในระเบียบวาระประชุม

“ความสำเร็จ หรือ ล้มเหลวของรัฐบาล ต่อการผลักดันรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ จะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นประชาชนในความจริงใจและรักษาคำพูดและสัจจะที่ให้ไว้ประชาชน” พริษฐ์ กล่าว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์