












จากกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ กำหนดนัดพิจารณาเอกสารคดียุบพรรคก้าวไกล ในวันที่ 12 มิถุนายน 2567 ล่าสุดวันนี้ (9 มิถุนายน 2567) 'พิธา ลิ้มเจริญรัตน์' สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้จัดงานแถลงข่าว '9 ข้อต่อสู้ คดียุบพรรคก้าวไกล'
โดยแบ่งเนื้อหาออกเป็น 3 สัดส่วน ได้แก่ 1) เขตอำนาจและกระบวนการ 2) ข้อเท็จจริง 3) สัดส่วนโทษ ซึ่งทางพรรคได้พิจารณาแล้ว ว่าความเคลื่อนไหวในวันนี้ ไม่ได้ต้องการชี้นำสังคม หรือหวังผลเพื่อกดดันศาลในการวิริจฉัย แต่เป็นการพูดตามหลักการและข้อเท็จริง ซึ่งพิจารณาแล้ว ว่าจะไม่ขัดต่อสิ่งที่ศาลรัฐธรรมนูญแสดงความกังวลก่อนหน้านี้
พิธา เชื่อว่า ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ได้มีอำนาจในการพิจารณาคดีดังกล่าว โดยมีการอธิบายพร้อมอ้างอิงจากมาตรา 210 ที่ต้องแยกแยะเกี่ยวกับวิธีการและขอบเขตอำนาจ ส่วนกระบวนการยื่นคำร้องของกกต.นั้น ไม่ชอบด้วยกฎหมาย เพราะไม่มีโอกาสให้ผู้ถูกร้อง (พรรคก้าวไกล) มีโอกาสรับทราบ โต้แย้งหรือแสดงพยานหลักฐานแต่อย่างได ซึ่งคดียุบพรรคก้าวไกลนั้น มีความแตกต่างกับคดีที่เกิดขึ้นกับพรรคอนาคตใหม่และพรรคไทยรักษาชาติ เนื่องจาก กกต.ยื่นยุบพรรคตามมาตรา 92 หากเป็นไปตามครรรองทางกฎหมายจะต้องประกอบด้วยมาตรา 93 แต่หลักเกณฑ์และวิธีการของ กกต.เกี่ยวกับมาตรา 93 เปลี่ยนไปเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งการยุบพรรคก่อนหน้า นี้ไม่มีการใช้หลักเกณฑ์ดังกล่าว
พิธา มองว่าคำวินิจฉัยคดีวันที่ 31 มกราคม 2567 ไม่มีความผูกพันกับคดีนี้ หลายคนอาจเข้าใจว่า ข้อเท็จจริงได้รับการวินิจฉัยแล้วในคดี 3/67 (ซึ่งได้ข้อยุติแล้ว) และด่วนสรุปว่าคำวินิจฉัยคดีก่อนผูกพันคดีนี้โดยอัตโนมัติ ซึ่งความเป็นจริงนั้น กรณีที่มีคำพิพากษาแล้วคดีหนึ่ง จะมีความผูกพันกับคดีหนึ่งได้ก็ต่อเมื่อ 1) ข้อหาเดียวกัน และ 2) ระดับโทษใกล้เคียงกัน
ยกตัวอย่าง คำพิพากษาในคดีแพ่ง ไม่ผูกพันกับคดีอาญา แม้จะเป็นข้อเท็จจริงเดียวกัน เนื่องจากความเข้มข้นของการพิสูจน์คดีแพ่งต่ำกว่าอาญา สำหรับคดียุบพรรค - ตัดสิทธิ์การเมือง มีสภาพความรับผิดเทียบเท่ากับกฎหมายอาญา
พิธา อธิบาย ตามทฤษฎีคนละข้อหา เปรียบเทียบกับคดีความที่มีการวินิจฉัยวันที่ 31 มกราคมที่ผ่านมา ถูกดำเนินการตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 และมีคำสั่งให้เลิกการกระทำ แตการดำเนินการตาม พ.ร.ป.การเมืองฯ มาตรา 92 และจะมีโทษหนักกว่า เพราะจะต้องมีการสั่งยุบพรรคและตัดสิทธิ์ กก.บห. พรรคก้าวไกลจึงคิดว่า จำเป็นที่จะต้องมีการพิจารณาข้อเท็จจริงในคดีใหม่ทั้งหมด ตามมาตรฐานการพิสูจน์ที่สูงกว่าคดีก่อน
ทั้งนี้ พรรคมองว่าโทษของการยุบพรรคมีได้ แต่ต้องไม่ขัดหลักการและเป็นการสนับสนุนประชาธิปไตย ซึ่งจะใช้ต่อเมื่อเป็นมาตรการสุดท้าย เมื่อถึงคราวจำเป็น ฉุกเฉิน ฉับพลันและไม่มีวิธีแก้ไขอื่น
ส่วนกรณีการผลักดันการแก้ไขมาตรา 112 เป็นข้อกล่าวหาที่สามารถยับยั้งแก้ไขได้โดยรัฐสภา ซึ่งเรื่องมาตรา 112 ยังไม่ได้เข้าสู่อภิปรายเลย แต่ถึงแม้จะถูกบรรจุร่างกฎหมายเข้าไปแล้ว ฝ่ายนิติบัญญัติก็สามารถตรวจสอบและยับยั้งได้ และที่สำคัญศาลรัฐธรรมนูญก็สามารถตรวจสอบความชอบด้วยธรรมนูญ ทั้งก่อนและหลังประกาศใช้กฎหมายได้เช่นกัน
ทั้งนี้ ได้มีการยกกรณีที่เคยเกิดขึ้นกับพรรคการเมืองในประเทศเยอรมนี ในปี 2017 ที่เคยมีการแสดงออกด้วยอุดมการณ์นาซี และศาลรัฐธรรมนูญได้มีคำตัดสิน 'ล้มล้างแต่ไม่ยุบพรรค' เนื่องจากไม่มีหลักฐานอันเป็นรูปธรรมที่พิสูจน์ได้ว่า ไม่มีโอกาสจะประสบความสำเร็จ หรือจะส่งผลต่อการต้องถูกยุบ
ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคพรรคก้าวไกล เชื่อเจตนาในการเข้าชื่อ ของ สส. ไม่ได้ล้มล้างการปกครอง และไม่อาจเป็นปฏิปักษ์ รวมถึงเรื่องต่าง ๆ ที่เป็นนายประกัน และการที่มีผู้ต้องหา ม.112 เป็นสมาชิกพรรค ยังไม่สิ้นสุดคดี รวมถึงการแสดงออกเกี่ยวกับการแก้ไข ม.112 การกระทำเป็นเรื่องรายบุคคล เป็นเรื่องปัจเจคบุคคล ไม่ได้มาจากมติพรรค ยืนยันศาลไม่มีความเร่งด่วนที่จะต้องใช้มาตรการยุบพรรค ย้ำศาลรัฐธรรมนูญมีอำนาจเฉพาะ 3 ข้อ เท่านั้น ส่วนที่เหลือเป็นกฎหมายรอง ศาลรัฐธรรมนูญไม่มีอำนาจตัดสินคดีนี้
แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล ส่วนเคารพในดุลพินิจแลัวไม่ขอก้าวล่วง หากศาลเห็นด้วยว่าสองคดีต่างกัน ก็ควรเปิดโอกาสให้มีการไต่สวน ซึ่งทางพรรคก้าวไกล เตรียมผู้เชี่ยวชาญไว้ไต่สวน มากกว่า 10 คน หากถูกยุบ ก็มีการตรียมตัวไว้ทุกสถานการณ์ ที่มาผ่าน มีการยุบสองพรรคแล้ว ในรอบ5 ปี และมีการยุบพารคการเมืองถึง 5 ครั้ง ในรอบ 20 ปี จึงไม่กล้าเดา หรือคิดว่าจะกระทบอะไรกับการเมือง และความเชื่อมั่นในประเทศ
พิธา กล่าวทิ้งท้าย ว่าขณะนี้สมาชิกพรรคยังเหนียวแน่น เป็นเอกภาพ และมองการเป็นงูเห่าคือการฆ่าตัวตายทางการเมือง แต่ส่วนตัวไม่ประมาท และไม่ไร้เดียงสาทางการเมือง แต่ก็ถึงกับไม่กังวล
อย่างไรก็ตาม หากเชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญ ไม่มีอำนาจตัดสิทธิ์ทางการเมืองหรือยุบพรรค จะร้องต่อศาลปกครองหรือไม่นั้น พิธา ระบุว่า ทางทีมกฎหมายได้พูดคุยเรื่องนี้ กันแล้ว แต่ตนเองยังไม่ทราบรายละเอียด ขอใช้เวลาศึกษาก่อน