‘นราพัฒน์’ มองบวก! ‘มาดามเดียร์’ ลงชิงหัวหน้า สะท้อน ‘ปชป.’ ไม่มีเจ้าของ

29 พ.ย. 2566 - 10:21

  • ‘นราพัฒน์’ เดินหน้าเต็มสูบ! สู้ศึกชิงหัวหน้า ‘ประชาธิปัตย์’

  • มองเป็นเรื่องดีที่ ‘มาดามเดียร์’ ประกาศลงแข่ง สะท้อนว่าพรรคไม่มีเจ้าของ

  • ลั่นหากชนะพร้อมดึงมาร่วมงาน แต่หากแพ้ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวจะเรียกใช้บริการหรือไม่

  • ปิดทางแก้สัดส่วนโหวต 70:30 ชี้จบไปตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้ว ไม่ควรแก้เฉพาะหน้าเพื่อประโยชน์ใคร

Narapat-said-it-was-good-that-Watanya-announced-candidacy-leader-of-Democrat-Party-SPACEBAR-Hero.jpg

ภายหลัง ‘มาดามเดียร์’ วทันยา บุนนาค ประกาศตัวลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กันไปเป็นที่เรียบร้อย คู่แข่งโดยตรงอย่าง นราพัฒน์ แก้วทอง รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอตัวลงชิงหัวหน้าพรรคเช่นกัน ในการประชุมใหญ่วิสามัญ วันที่ 9 ธันวาคมนี้ ก็ให้ความเห็นย้ำถึงการยืนยันลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเช่นเดิม และเห็นว่าเป็นเรื่องดีที่มีคนมาลงชิงหัวหน้าพรรค เพราะพรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ไม่มีเจ้าของ และเปิดโอกาสให้กับทุกคนอยู่แล้ว

ดังนั้น การที่ น.ส.วทันยา มาลงชิงหัวหน้าจะทำให้ภาพดีขึ้น เพราะเท่ากับว่าพรรคประชาธิปัตย์ต้องการการเปลี่ยนแปลง และมีคนรุ่นใหม่ๆ สนใจเข้ามาร่วมบริหารและปรับปรุงพรรค และผสมผสานกับคนรุ่นเดิมๆ ได้ จึงถือเป็นภาพที่ดีและเป็นจุดแข็งของพรรค ที่จะสามารถอธิบายกับพี่น้องประชาชน และสมาชิกพรรคได้ว่า พรรคประชาธิปัตย์จะกลับมาสร้างมนต์ขลังอีกครั้งหนึ่ง

สำหรับข้อเสนอที่ให้ลดสัดส่วนองค์ประชุม สส.ที่จะใช้ในการโหวต 70:30 นั้น นราพัฒน์ มองว่า เรื่องดังกล่าวถือว่าจบไปตั้งแต่การประชุมครั้งที่แล้ว ทั้งนี้ การกำหนดสัดส่วนองค์ประชุม 70 ต่อ 30 ซึ่งถูกใช้มาทุกครั้ง หากจะมายกเว้นในครั้งนี้ ก็จะดูว่าเหมือนการยกเว้นเฉพาะกิจแล้วเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มบางกลุ่ม จึงเห็นว่าควรต้องเป็นไปตามครรลองเดิม และหากเสียงส่วนใหญ่คิดว่าน่าจะยกเลิก เป็น 60 ต่อ 40 หรือเท่าเทียมกันหมด ก็น่าจะเป็นการเลือกตั้งในครั้งหน้าคือครั้งถัดไป เพราะเรายังมีเวลาในการที่จะปรับโครงสร้าง หรือแก้ไขข้อบังคับ หรือเขียนกฎกติกาอะไรเพื่อให้เหมาะสมกับยุคสมัย

ก็ขอเป็นครั้งต่อๆ ไปที่จะทำ เพราะเรื่องนี้มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมาในการประชุมครั้งที่แล้วค่อนข้างมาก ว่าในอดีตที่เคยทำมาให้สัดส่วนในการโหวต สส. 70% แล้วเหตุใดครั้งนี้ สส.ที่ได้มา 25 คน ไม่มีความหมายหรืออย่างไร แล้วจะไปลดทอนสิทธิ์ สส.เหล่านั้นเพื่ออะไร ในเมื่อการเลือกครั้งที่แล้วยังให้สิทธิ์ สส. 70 ต่อ 30 แล้วเหตุใดครั้งนี้ สส.ใหม่ ไม่มีสิทธิ์ที่จะขับเคลื่อนพรรค ตามที่พวกเขาต้องการหรือ ดังนั้น จึงเห็นว่าหากจะปรับหรือแก้ไขก็สามารถทำได้แต่คงไม่ได้หมายความว่า มีกำหนดการเลือกตั้งหัวหน้าพรรคออกมาแล้ว จะแก้กันเฉพาะกิจเฉพาะหน้า เพื่อประโยชน์ของกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ซึ่งผมคิดว่าไม่เหมาะสม

นราพัฒน์ กล่าวด้วยว่า ภายหลังการเลือกหัวหน้าพรรคแล้ว ก็จะต้องมีคนที่แพ้แล้วออกไป แต่เห็นว่า หากเราคิดว่าเราเป็นประชาธิปไตยจริงและพรรคเป็นประชาธิปไตยจริง เราก็ควรต้องยอมรับเสียงข้างมาก ซึ่งหากตนเองชนะการเลือกตั้งหัวหน้าพรรค วทัญญา ก็เป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในแผนที่ตนเองจะดึงมาร่วมงาน ให้ช่วยในเรื่องของการสื่อสารองค์กร ซึ่งถือเป็นงานที่ วทันยา ถนัดอยู่แล้ว

หาก น.ส.วทันยา ชนะ ก็ขึ้นอยู่กับ น.ส.วทันยา ว่าจะใช้บริการผมหรือไม่ หรือจะมีทีมอย่างไรก็แล้วแต่ เพราะถือเป็นสิทธิ์และอำนาจของคนที่ได้รับฉันทามติจากสมาชิก

เมื่อถามถึงความกังวลที่ว่าหลังการเลือกตั้งแล้วพรรคจะแตกนั้น นราพัฒน์ กล่าวว่า อะไรจะเกิด ก็เกิดขึ้นได้ทุกอย่าง แต่ถามว่าในนามของสมาชิกพรรคและอยู่กับพรรคมานาน ไม่อยากเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น จึงเรียกร้องมาตลอดว่า พรรคจะเดินหน้าได้ ต้องมีเอกภาพ

เพราะฉะนั้น เราต้องมาร่วมกันสร้างเอกภาพ แพ้หรือชนะ นั่นคือประชาธิปไตย เราก็ต้องมีวินัยและยอมรับมติ บางครั้งพวกเราก็ไม่ได้เห็นด้วยกับบางมติ แต่ก็ต้องมีวินัย และเคารพมติ แล้วพรรคจะเดินไปข้างหน้าได้ จากนั้นก็สื่อสารให้กับพี่น้องประชาชนได้เข้าใจ แต่ถ้าต่างคนต่างคิด ก็ไม่มีความเป็นเอกภาพ และสุดท้ายหลายคนก็ห่วงว่า พรรคจะไปไม่ได้และพรรคจะแตก ดังนั้น อยู่ที่พวกเราต้องช่วยกัน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์