กษ.ไม่มีอำนาจสอบปมรุกป่า ส.ป.ก. ‘นฤมล’ แจง ปัดโยงแก้แค้นการเมือง

3 ธ.ค. 2567 - 08:38

  • ‘นฤมล’ แจง ก.เกษตรฯ ไม่มีอำนาจสอบปมรุกป่า ส.ป.ก. ชี้แค่ดูเรื่องเอกสารสิทธิ์-ชื่อผู้ครอบครองเท่านั้น

  • เผยให้เลขาฯ ตรวจสอบ ขรก. เอี่ยวทุจริตหรือไม่ พบผิดลงโทษถึงที่สุด

Naruemon-insists-that-the-investigation-into-the-forest-encroachment-problem-is-not-linked-to-politics-SPACEBAR-Hero.jpg

นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ (รมว.กษ.) กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี ที่บุกรุกที่ดิน ส.ป.ก.โดยพบเส้นเงิน 10 ล้านบาท ไปถึงคนใกล้ชิดคนการเมืองระดับอดีตรองนายกรัฐมนตรี ว่า เรื่องตรวจสอบทั้งหมด ส่วนใหญ่จะเป็นของคณะกรรมการที่มาจากหลายหน่วยงาน ส่วนกระทรวงเกษตรฯ เกี่ยวข้องเฉพาะเรื่องเอกสารสิทธิ์ ซึ่งต้องไปดูว่าผู้ที่เข้ามีชื่อครอบครองถูกต้องหรือไม่ ถ้าไม่ถูกต้องก็ต้องทวนคืนมาและจัดสรรให้กับเกษตรกร แต่ถ้าเป็นส่วนอื่นๆ ก็เป็นหน่วยงานอื่นดำเนินการ

เมื่อถามว่า มีการตั้งคำถามว่ารอบนี้กระทรวงเกษตรฯ จะสามารถทวงคืนที่ดิน ส.ป.ก.ได้จริงหรือไม่ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะแปลงนี้ แต่ทุกๆ แปลงทั่วประเทศไทย เราจะทำตามนโยบายที่ประกาศไว้ และเป็นไปตามนโยบายของรัฐบาลที่อยากจะแก้ปัญหาที่ดินทำกินให้เกษตรกร หลายๆ ครั้งที่เราเห็นเป็นข่าวว่า ที่ดินที่เราจัดสรรให้กับเกษตรกร ปรากฏว่ามีนายทุนเอาไปใช้ทำอย่างอื่นที่ไม่ใช่เพื่อการเกษตร เราก็จะทวงคืน เพื่อนำมาจัดสรรให้กับเกษตรกร 

เมื่อถามว่า แต่ไร่ภูนับดาวมีอักษรย่อ ช. เข้าไปเกี่ยว รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า เห็นในข่าวแต่เขาไม่ได้รายงานเข้ามาที่กระทรวงเกษตรฯ  เพราะ ส.ป.ก. และกระทรวงเกษตรฯ ไม่ได้เป็นคนสอบ เราดูแค่เอกสารสิทธิ์และชื่อผู้ที่ครอบครองเรามีอำนาจแค่นั้น 

เมื่อถามว่า เรื่องนี้จะมีข้าราชการเข้าไปเอี่ยวด้วยหรือไม่ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ถ้าตามที่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลางให้สัมภาษณ์ ก็มีข้าราชการเข้าไปเกี่ยวข้องในการทุจริตด้วย ซึ่งถ้ายังรับราชการอยู่ก็จะดำเนินการสอบอย่างแน่นอน และจะลงโทษให้ถึงที่สุด 

“แต่ถ้าเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตตั้งแต่ปี 57-58 ก็ต้องไล่ดูว่าข้าราชการที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ตั้งแต่ที่ไปออกเอกสารสิทธิ์ที่ไม่ถูกต้อง ชื่อคนที่เข้าไปครอบครองไม่ถูกต้องยังรับราชการอยู่หรือไม่ ซึ่งได้สั่งให้เลขาธิการ ส.ป.ก. ไปดำเนินการแล้ว”

เมื่อถามว่า มองอย่างไรว่าถูกโยงเป็นการแก้แค้นทางการเมือง รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า ตนเข้ามารับตำแหน่งช่วงเดือนกันยายน เรื่องนี้มีการจับกันตั้งแต่เดือนพฤษภาคม และเหตุจริงๆ เกิดจากกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่นายชัยวัฒน์ ลิ้มลิขิตอักษร ผอ.สำนักอุทยานแห่งชาติออกมาเปิดประเด็นว่า มี ส.ป.ก. หลายแปลงไม่ควรจะออกเป็น ส.ป.ก. ได้ เพราะว่าเป็นที่ของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นของพื้นที่อุทยาน เป็นของพื้นที่กรมป่าไม้ 

จึงเป็นเหตุให้ ร.อ.ธรรมมนัส พรหมเผ่า อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สั่งให้มีการตรวจสอบทั่วประเทศไทย ซึ่งตอนนั้น ร.อ.ธรรมมนัส ให้ทั้ง 2 กระทรวงมาสรุป ว่าพื้นที่ไหนเป็นของใคร จนกระทั่งให้กรมแผนที่ทหารมาคุยกันเรื่องวันแมป เพื่อที่จะเคลียร์ให้จบ ไม่ใช่เรื่องของการเมืองอะไรเลย แต่เป็นเรื่องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เมื่อถามว่า แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าอำนาจมาอยู่ในมือของเรา ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า “อำนาจของเราดูแล ส.ป.ก. คือที่ดินที่ให้เอกสารสิทธิ์ให้กับเกษตรกร ถ้าใครมาใช้ที่ดินนี้โดยไม่ถูกต้องก็จะดำเนินการให้ถึงที่สุด” 

แต่อำนาจที่เหนือไปกว่านั้น ไม่ว่าจะเป็นเส้นทางการเงิน หรือการดำเนินการอื่นๆ ก็เป็นเรื่องของฝ่ายความมั่นคง คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ซึ่งเขาตั้งคณะกรรมการนี้มาตั้งแต่รัฐบาล นายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี และเขาก็ดำเนินการต่อเนื่องมา

เมื่อถามว่า จะสาวถึงตัวนายทุนใหญ่หรือผู้มีอิทธิพลหรือไม่ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า “ก็คงต้องถามฝ่ายตำรวจ เจ้าหน้าที่ที่เขาตรวจสอบ เท่าที่ตนได้รับรายงานมามีเพียงว่า ที่ดินแปลงนี้มีการทุจริตมาตั้งแต่ปีไหน ตอนนี้สวมชื่อใครเข้าไปเป็นผู้ครอบครอง ซึ่งไม่ใช่เกษตรกร” ตอนนี้เราก็กำลังเร่งจัดการ แต่ก็ต้องขอความร่วมมือจากฝ่ายความมั่นคงเข้าไป เพราะ ส.ป.ก. เราก็ไม่มีอำนาจรื้อถอน

เมื่อถามว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้ให้คำปรึกษาหรือชี้แนะอะไรหรือไม่ รมว.เกษตรฯ กล่าวว่า “ไม่มี แต่ก็ยึดตามนโยบายของ ร.อ.ธรรมนัส เหมือนเดิมว่า เราจะเอาที่ดินทำกินกลับคืนให้กับพี่น้องเกษตรกร ใครก็ตามที่ใช้ที่ดินของพี่น้องเกษตรกร เราจะเอากลับคืนมาให้หมด ขอให้พี่น้องเกษตรกรมั่นใจได้”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์