ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. พรรคประชาชน อภิปรายในวาระแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา ว่า รัฐบาล เศรษฐา ทวีสิน ผ่านมา 1 ปี บอกว่าจะยกระดับประชาชนตามที่รับปากไว้ แต่ผลสุดท้าย สิ่งเดียวที่ยกระดับได้คือ ยกระดับผ้าขาวม้าที่ผูกที่เอวมาผูกที่คอ แต่อย่างอื่นทำไม่ได้เลย ประชาชนจึงตั้งคำถามว่าแล้วก้าวแรกของ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหนกับพี่น้องประชาชน
เมื่อตอนหาเสียง นายกฯ บอกว่า อยากให้คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆ กัน จากคำพูดหาเสียงที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเทคนิคการหาเสียง มาสู่คำแถลงนโยบายที่มีคำพูดเหล่านี้เช่นกัน แต่จะกลายเป็นเทคนิคเอาตัวรอดในสภาฯ หรือไม่ เพราะมีการระบุไว้ชัดเจนว่า อยากเห็นคนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี แต่เมื่อดูในรายละเอียดเชิงลึกว่าทำอย่างไรบ้าง พบว่าวัยเด็กมีเงินอุดหนุน 600 บาทแบบถ้วนหน้า ก็ยังคงไม่ถ้วนหน้า มีการคัดกรองและพิสูจน์ความจนพิสูจน์รายได้ 1 แสนบาท การที่ผมพูดอย่างนี้ เพราะพิสูจน์แล้วว่า 1 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไม่ได้บรรจุเรื่องเหล่านี้เลย งบประมาณที่เพิ่งผ่านสภาฯ ไป ก็ไม่มีเพียงแค่เทคนิคการหาเสียงและเอาตัวรอดเท่านั้น
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
ณัฐชา กล่าวต่อไปว่า หากเป็นอย่างนี้ เราจะหวังการยกระดับคุณภาพใดๆ กับประชากรใหม่ของประเทศนี้ เราจะหวังการยกระดับคุณภาพชีวิตใดๆ ของประชาชน ถ้าเกิดมาในบ้านเมืองนี้ แรกเริ่มก็ดูได้ไม่ดีพอทั้งที่การลงทุนในเด็กมีความจำเป็นมากที่สุดเพื่อที่ประเทศจะได้พัฒนาบุคลากร และสุดท้ายก็จะพัฒนาประเทศ
ถ้ารัฐบาลมีการเปลี่ยนแปลงปรับเพิ่มให้เงินอุดหนุนเด็ก 1,000 บาท และยกเลิกเงื่อนไขครอบครัวรายได้ 1 แสนบาทต้น จะไม่ว่าเลย แต่นี่ไม่มีเปลี่ยนแปลงอะไรเลย เพิ่มเติมคือประชาสัมพันธ์เท่านั้น
หากรัฐบาลจะมีความจริงใจกับประชาชน จะทำให้เกิดความถ้วนหน้าจริงๆ ไม่ต้องพิสูจน์ความยากจน ต้องใช้เงินเยอะขนาดนั้นเลยหรือ จะทำให้เป็นพายุหมุนทางเศรษฐกิจเหมือนเงินดิจิทัลวอลเล็ต จะลงทุนเป็นหลายแสนล้านบาทหรือ ซึ่งไม่ใช่ เพราะใช้เงินอีกเพียง 6,679 ล้านบาท ก็จะสามารถให้เงินเด็กทุกคนโดยไม่ต้องพิสูจน์ใดๆ เกิดปุ๊บรับปั๊บได้ทันที ส่วนใครจะไม่เอาก็เรื่องของเขา รัฐบาลอย่าไปคิดแทนเขา เพราะเมื่อคิดแทนเมื่อไหร่จะมีคนตกหล่นทันที เพราะ 34 เปอร์เซ็นต์ เป็นคนยากจน หากรัฐบาลระบุเรื่องเหล่านี้ไว้ในนโยบาย จะขอชื่นชม แต่กลับไม่มีทั้งในนงบประมาณและในนโยบาย แล้วอย่างนี้จะอยู่อย่างมีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีกินมีใช้ได้อย่างไร
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์
ณัฐชา ระบุว่า วันนี้เราได้เห็นคำแถลงนโยบายของนายกฯ ได้ถูกขนานนามว่าเป็น ‘รัฐบาลครอบครัว’ แต่เห็นว่าคำนี้ไม่เสียหาย หากท่านดูแลทุกครัวเรือนได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ทั้งนี้ จากนโยบายของรัฐบาล เศรษฐา พบว่านโยบายของรัฐบาลนี้ มีคำที่เหมือนและแตกต่างกันอยู่ที่ว่า มีความเข้าใจว่าประเทศไทยกำลังตกอยู่ในสังคมผู้สูงอายุ สังคมสูงวัยแบบสมบูรณ์ และรู้ว่ากำลังอยู่ในปัญหาอัตราการเกิดต่ำ ซึ่งทั้งสองรัฐบาลเขียนเหมือนเหมือนกัน
แต่ลงท้ายไม่เหมือนกัน เนื่องจากในรัฐบาล เศรษฐา บอกว่าให้ความสำคัญเท่าเทียมแก่คนทุกกลุ่ม ดูแลด้วยสวัสดิการโดยรัฐ ซึ่งในรัฐบาลของ แพทองธาร ใช้คำว่าจะจัดสรรสวัสดิการให้สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลงไป และเข้าถึงสิทธิ์และสวัสดิการของรัฐโดยสะดวก
เรื่องนี้ ผมสงสัยว่าการเข้าถึงสวัสดิการที่เปลี่ยนแปลงไป กับเข้าถึงสวัสดิการของรัฐโดยสะดวก ตรงนี้ใครสะดวก? ให้ประชาชนสะดวก หรือรัฐสะดวกที่จะดูแลพี่น้องประชาชน ประชาชนจึงมีการตั้งคำถามว่า ก้าวแรกของรัฐบาล แพทองธาร จะมีความจริงใจมากน้อยแค่ไหน ในการอุดหนุนเด็กแรกเกิดจนกระทั่งถึงตาย
ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์