‘เท้ง’ ยังไม่คอมเมนต์ร้องศาลปม ‘ทักษิณ-พท.’

10 ต.ค. 2567 - 03:32

  • ‘เท้ง ณัฐพงษ์’ ยังไม่คอมเมนต์ รอดูรายละเอียดคำร้องยื่น ศาลรธน. ขอให้ ‘ทักษิณ-พท.’ เลิกการกระทำล้มล้างการปกครองก่อน

  • แต่ย้ำหลักการไม่เห็นด้วย ใช้เป็นเครื่องมือกลั่นแกล้งทางการเมือง

  • แนะ ‘นายกรัฐมนตรี’ เจรจาทางการทูตในเวทีอาเซียน+3 ส่งตัว-ขอเนรเทศ จำเลยคดีตากใบ ก่อนหมดอายุความ 25 ต.ค.นี้ เชื่อ รัฐบาลจะแสดงสปิริตให้ความเป็นธรรมกับคนไทย

nattapong_10oct2024_SPACEBAR_Hero_702e350e5f.jpg

ณัฐพงษ์​ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวถึงกรณีที่ธีรยุทธ สุวรรณเกษร ยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญให้วินิจฉัยสั่งการให้ทักษิณ​ ชินวัตร​ และพรรคเพื่อไทยเลิกการกระทำที่เป็นการใช้สิทธิและเสรีภาพอันจะนำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขว่า​ ผู้ร้องเองยังไม่ได้ ให้รายละเอียดเกี่ยวกับคำร้อง รอให้มีการแถลงข่าวก่อนที่จะให้ความเห็นเพิ่มเติม

ส่วนการใช้กลไกศาลรัฐธรรมนูญ ในการยื่นคำร้องณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตามหลักการ เราไม่เห็นด้วยอยู่แล้ว ที่จะใช้เครื่องไม้เครื่องมือกลไกของศาลรัฐธรรมนูญมากลั่นแกล้งทางการเมือง ​พร้อมย้ำว่า ต้องรอดูสถานการณ์และรายละเอียดของคำร้องก่อน จะได้เห็นว่า คำร้องมีน้ำหนักมากน้อยแค่ไหน

ณัฐพงษ์ ในฐานะผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมด้วยสส.พรรคประชาชน ร่วมกันแถลงข่าวถึงคดีตากใบ ที่กำลังจะหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ว่า ก่อนอื่นต้องแสดงความยินดีที่ประเทศไทยได้รับเลือก ให้มีตัวแทนสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติซึ่งเป็นโอกาสอันดีที่เราจะได้แสดงเจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศว่า เราให้ความสำคัญในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชนของประเทศไทย หนึ่งในนั้นคือ คดีตากใบที่เป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสนใจในช่วงตุลาคมที่ผ่านมา

โดยจากการประชุมในคณะกรรมาธิการการกฎหมายฯ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งตำรวจและอัยการมาให้ความเห็นติดตามตัวจำเลยมาดำเนินคดีให้ทันก่อนหมดอายุความในวันที่ 25 ตุลาคมนี้ ซึ่งพบว่า จำเลยที่มีส่วนสำคัญ 2 คนได้หลบหนีอยู่ต่างประเทศคือ จำเลยที่ 1 ที่หลบหนีไปที่ประเทศอังกฤษและจำเลยที่ 8 ที่หลบหนีไปที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งทุกหน่วยงานได้ชี้แจงในกรรมาธิการว่าได้ดำเนินการเต็มที่ที่สุดแล้วตามอำนาจหน้าที่ของหน่วยงาน ด้านตำรวจก็ได้บอกว่า ได้ออกหมายแดงอินเตอร์โพลแล้ว อยู่ในระหว่างการแปล 

ณัฐพงษ์ ยังแนะนำช่องทางการส่งตัวจำเลยกลับประเทศไทยว่า ยังมีช่องทางในการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน แม้ประเทศไทยไม่ได้มีสนธิสัญญาการส่งผู้ร้ายข้ามแดนกับประเทศญี่ปุ่น แต่เราสามารถที่จะใช้ช่องทางทางการทูต รัฐบาลต่อรัฐบาล หรือนายกรัฐมนตรีต่อนายกรัฐมนตรีในการเจรจาขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศไทยได้ แน่นอนว่าอาจจะใช้เวลาค่อนข้างนาน 

ส่วนอีกช่องทางหนึ่งที่สามารถดำเนินการได้และมีประสิทธิภาพมากกว่า นั่นคือการขอเนรเทศ ส่งตัวในฐานะบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์ของประเทศปลายทางให้ส่งตัวกลับประเทศไทยในฐานะที่เป็นจำเลยผู้ต้องหาในคดีที่เกี่ยวข้องกับสิทธิมนุษยชน

ดังนั้น จึงอยากส่งข้อเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ให้ใช้เวทีที่กำลังเจรจาอยู่ขณะนี้คืออาเซียน+3 ได้หารือนอกรอบกับนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นในการขอเจรจาดำเนินการทั้ง 3 ช่องทางอย่างเต็มที่ที่สุด โดยเฉพาะการขอเนรเทศบุคคลผู้ไม่พึงประสงค์กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยก่อนคดีจะหมดอายุความ

นอกเหนือจากประเทศญี่ปุ่นแล้ว นายกรัฐมนตรีของประเทศมาเลเซีย ก็ได้แสดงวิสัยทัศน์ว่าในฐานะ ที่เป็นว่าที่ประธานอาเซียนครั้งต่อไปมีวิสัยทัศน์ที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ จึงหวังว่านายกรัฐมนตรีจะใช้เวทีครั้งนี้ ส่งเสริมสันติภาพในชายแดนใต้ โดยติดตามทั้งในเรื่องผู้ต้องหาและ จำเลยให้มาดำเนินคดี พร้อมกับกระบวนการอื่นๆที่จะส่งเสริมกระบวนการสันติภาพในชายแดนใต้ด้วย 

“15 วันที่เหลือก่อนที่คดีจะหมดอายุความ วันนี้เราต้องการเพียงแค่เจตจำนงทางการเมืองของผู้นำประเทศ ถ้าเราไม่สามารถใช้เวทีทางการทูตในการเจรจาให้ประเทศที่เข้าร่วมประชุมอาเซียน +3 ในขณะนี้ช่วยกันส่งตัวจำเลยมาดำเนินการในประเทศไทยจนคิดว่าบาดแผลที่ลึกที่สุดของประชาชนในคดีตากใบก็จะไม่ได้รับการเยียวยา และกระบวนการสันติภาพในจังหวัดชายแดนใต้ก็จะไม่มีความคืบหน้า” ณัฐพงษ์ กล่าว

ส่วนถ้าไม่มีความคืบหน้าไปจนถึงวันที่ 25 ตุลาคมนี้ จะเกิดการลุกฮือของประชาชนในพื้นที่หรือไม่ ณัฐพงษ์ กล่าวว่า ตอนนี้เราต้องทำให้เต็มที่ก่อนภายใน 15 วันที่เหลือ ซึ่งรัฐบาลมีช่องทางในการดำเนินการที่สามารถทำได้ทันตอนนี้สิ่งที่จะเยียวยาบาดแผลประชาชนได้คือ นายกรัฐมนตรีที่ไปประชุมอาเซียน+3 อยู่ เชื่อว่า ประเทศญี่ปุ่นเองก็พร้อมให้ความร่วมมือ เพราะเป็นคดีที่เวทีโลกให้ความสำคัญและให้ความสนใจ และไม่อยากคาดการณ์ว่า จะเกิดอะไรขึ้นขอส่งคำแนะนำไปยังรัฐบาลให้ทำเต็มที่ที่สุดก่อน

ทั้งนี้ นอกจากกลไกทางการทูตยังมีกลไกอื่นที่สามารถติดตามได้หรือไม่ ณัฐพงษ์ กล่าวว่า จากการพูดคุยกับหน่วยงานโดยเฉพาะในกรรมาธิการทุกหน่วยงานแจ้งว่า ถ้าดูจากระบบกระบวนการปัจจุบัน ถ้าไม่มีการเจรจาทางการทูตเลยมีความเป็นไปได้สูงว่า จะไม่ทันตอนนี้เหลือช่องทางสุดท้ายแล้วในฐานะที่ประเทศไทยมีตัวแทนในสหประชาชาติ ก็หวังว่า นายกรัฐมนตรีจะเร่งรัด เจรจาให้เกิดการดำเนินการโดยเร็วที่สุด

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าจะหลบหนีจนถึงวันที่ 25 ตุลาคมที่เป็นวันหมดอายุความของคดี ณัฐพงษ์ กล่าวว่า เข้าใจว่าจำเลยทั้งสองคนอยู่ต่างประเทศแล้ว ถ้าไม่ใช้อำนาจทางอธิปไตยของประเทศปลายทาง ทั้งอังกฤษหรือญี่ปุ่นคิดว่า อย่างไรก็ตามก็ไม่น่าจะติดตามตัวมาดำเนินคดีได้ทัน ตอนนี้ทางเดียวคือการเจรจาทางการทูต ใช้อำนาจฝ่ายบริหารประเทศปลายทางส่งตัวจำเลยกลับมาดำเนินคดีโดยเร็วที่สุด 

ส่วนกรณีคนที่สังคมสนใจคือ พล.อ.พิศาล วัฒนวงษ์คีรี สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทย อ้างว่า เป็นเรื่องส่วนตัว ถือเป็นปัดความรับผิดชอบหรือไม่ ณัฐพงษ์ กล่าวว่า คิดว่าเป็นข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์คดีตากใบที่เกิดขึ้นเป็นคดีที่เคยเกิดขึ้นในสมัยทักษิณ ชินวัตร ดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีและเกี่ยวพันกับรัฐบาลในปัจจุบัน จึงคิดว่า รัฐบาลควรแสดงสปิริตและให้ความสำคัญถึงการคุ้มครองหลักสิทธิมนุษยชนตอนนี้มีเวทีในการเจรจาทางการทูตที่นายกรัฐมนตรีสามารถทำได้และก็เชื่อว่า นายกรัฐมนตรีสามารถดำเนินการได้และพร้อมที่จะดำเนินการเรื่องนี้ให้เกิดความเป็นธรรมกับคนไทย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์