ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตแกนนำนปช. พร้อมด้วยตัวแทนสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย พาญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมคนเสื้อแดง เมื่อปี 2553 เข้ายื่นหนังสือต่อ กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อขอให้ไต่สวนหาผู้กระทำความผิดและคืนความยุติธรรมให้ประชาชน หลังคดีนี้หยุดชะงักไป หลังการเข้ามาของรัฐบาลทหารในช่วงปี 2557
ณัฐวุฒิ อธิบายว่า เหตุการณ์นี้มีประชาชนและเจ้าหน้าที่เสียชีวิต รวม 99 ศพ มีการไต่สวนไปแล้วในชั้นศาล 31 ราย โดย 17 ราย ศาลชี้ว่าประชาชนเสียชีวิตจากอาวุธของเจ้าหน้าที่ ส่วนอีก 14 ราย ไม่สามารถระบุได้อย่างชัดเจนว่าผู้ใดเป็นผู้กระทำ โดยปัจจุบันเหลืออีก 68 ราย ที่ยังคงค้างไม่มีการไต่สวนสาเหตุการตาย จึงเป็นเหตตุที่ต้องมาร้องขอความเป็นธรรมกับดีเอสไอในครั้ง โดยหวังว่าการไต่สวนที่หยุดชะงักไปจะกลับมาเดินหน้าต่อ
พร้อมย้ำว่า การเคลื่อนไหวครั้งนี้ ไม่มีนัยยะทางการเมือง ไม่ได้มาเพราะมีเจตนาเคืองแค้น อาฆาตเฉพาะตัวกับใคร เพียงแต่ต้องการให้ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอนของกฏหมาย เพราะผู้สูญเสียผ่านความเจ็บปวดมามากพอแล้ว และสังคมไทยมีบาดแผลจากความขัดแย้งมากพอแล้ว ซ้ำยังเป็นแผลอักเสบมาจนถึงในปัจจุบัน
ส่วนความมั่นใจที่จะได้รับความเป็นธรรมในคดีนี้ ณัฐวุฒิ ระบุว่า ไม่กล้าตอบว่ามั่นใจกี่เปอร์เซ็นต์ แต่ที่มั่นใจคือเราไม่เคยสิ้นหวัง แม้คดีจะผ่านมา 10 กว่าปีแล้ว โดยเราหวังใจว่ารัฐบาลปัจจุบันจะคืนความยุติธรรมได้มากกว่าช่วงที่ผ่านมา และไม่อยากให้ใช้คำว่ารื้อคดี เพราะเดี๋ยวจะกลายเป็นว่าพวกเรามาทำให้ความขัดแย้ง
ส่วนการตั้งความหวังไว้แบบนี้จำเป็นต้องขอให้ นายกรัฐมนตรี แพทองธาร ชินวัตร ช่วยกำชับกับดีเอสไอ และหน่วนงานที่เกี่ยวข้องหรือไม่ ณัฐวุฒิ ระบุว่า วันนี้ขอตั้งต้นจากหน่วยงานรัฐก่อน เพราะวันนี้มาในฐานะประชาชนทั่วไป ยังไม่อยากให้เรื่องถึงนายกฯ
ช่วงท้ายผู้สื่อข่าวถามว่า การออกมาเคลื่อนไหววันนี้ อาจทำให้ถูกมองว่าเป็นการเรียกคะแนนในช่วงเลือกตั้ง นายกอบจ.จากคนเสื้อแดงที่ถูกสีอื่นตกใส่หรือไม่ ณัฐวุฒิ ย้ำว่า ไม่เกี่ยว และมองว่าเป็นสิทธิ์ของพี่น้องเสื้อแดงที่จะสนับสนุนหรือไม่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยต่อ
