การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่รัฐสภาวันนี้ (9 เม.ย.) มีการพิจารณาญัตติด่วน เรื่องขอให้สภาผู้แทนราษฎรที่พิจารณาศึกษาผลกระทบและมาตรการรับมือจากการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ที่เสนอโดย อรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคกล้าธรรม
โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบให้พิจารณาญัตติด่วนด้วยวาจาดังกล่าว โดยพิจารณารวมกับญัตติด่วนด้วยวาจาที่มีหลักการทำนองเดียวกันอีก 9 ญัตติ รวมเป็น 10 ญัตติ
ขณะที่หนึ่งในไฮไลท์สำคัญของการประชุมวันนี้ เกิดขึ้นในช่วงที่ ไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นชี้แจงในญัตติด่วน เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาแผนการรับมือจากภัยพิบัติธรรมชาติและผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจโลก รวมทั้งภัยความมั่นคงจากสถานการณ์โลก ซึ่งถือเป็น 1 ใน 10 ญัตติที่ค่อนข้างแตกต่างจากญัตติอื่น ที่มุ่งประเด็นไปที่การขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา
โดยก่อนเข้าเนื้อหาของญัตติ ไชยชนก ระบุว่า ขอบคุณนายกรัฐมนตรีจากใจจริง การที่เราได้มีโอกาสอภิปรายเรื่องประโยชน์สำคัญต่อความเป็นอยู่ของประชาชนชาวไทยวันนี้ เครดิตต้องอยู่ที่นายกฯ คนเดียว
สำหรับผม นายกฯ ได้โชว์วุฒิภาวะความเป็นผู้นำอย่างแท้จริง นายกฯ คือ นายกฯของประเทศไทยอย่างแท้จริง นายกฯ ได้มองถึงความปลอดภัย และประโยชน์ของประชาชนชาวไทยก่อนผลประโยชน์ส่วนตัว นายกฯ ตระหนักถึงข้อมูลที่แม้จะเป็นนักการเมืองตัวเล็กๆ คนหนึ่งไปนำเสนอจากใจด้วยความเป็นห่วง ตนขอฝากไปถึงนายกฯว่าตนให้คำสัญญา จากนี้เป็นต้นไปตนจะใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง สติปัญญาที่ตนมีเพื่อสนับสนุนนายกฯ ด้วยความสุจริตใจ ตราบใดที่นายกฯมองถึงประโยชน์ของประชาชนชาวไทยมาก่อนอย่างนี้ต่อไป
“ฉะนั้นด้วยความจริงใจ ผมขอประกาศในสภาฯอันทรงเกียรติแห่งนี้ว่า ผม นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรคภูมิใจไทย ลูกชายคนโตของนายเนวิน และนางกรุณา ชิดชอบ จะไม่มีวันเห็นด้วยกับกาสิโน และไม่ใช่แค่ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ แต่ทุกๆ พ.ร.บ.หลังจากนี้ แม้กระทั่งพ.ร.บ.ของพรรคภูมิใจไทย ที่เราคิดขึ้นมาแล้วนำเสนอเพื่อประโยชน์ของประเทศไทย อย่างนโยบายบ้านเกิดเมืองนอน ผมก็จะไม่พิจารณา เพราะสำหรับผมที่ศึกษามา มันมีเรื่องที่เร่งด่วนกว่าอย่างมหาศาล หากท่านสงสัยว่าทำไมเด็กบ้านนอกคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดบุรีรัมย์ที่ปลอดภัยจากภัยพิบัติทั้งหลายที่สุด โดยหลายเหตุผลที่ท่านทราบ ผมที่ไม่เคยหิวแสง ผมที่ไม่เคยต้องการสัมภาษณ์ ไม่เคยตอบโต้กระทั่งที่โดนเข้าใจผิดโดยสังคม ทำไมต้องทำขนาดนี้ ขอให้ทุกท่านตั้งใจฟังข้อมูลต่างๆที่ผมรวบรวมสะสมมาด้วยความเป็นห่วงเป็นใยต่อประชาชนชาวไทยทุกคน”
ไชยชนก กล่าว
จากนั้น ไชยชนก ได้อภิปรายเข้าสู่เนื้อหาเกี่ยวกับภัยพิบัติทางธรรมชาติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และประเทศไทย ทั้งเรื่องภาวะโลกเดือด การประทุของดวงอาทิตย์ที่ส่งผลต่อภูเขาไฟระเบิด แผ่นดินไหว สึนามิ และระดับน้ำทะเลลดลงอย่างผิดปกติจนต้องแจ้งระวังภัย ไชยชนก พยายามย้ำว่า สิ่งที่เขาพยายามนำเสนอนายกฯ ไม่ใช่เกมการเมือง โดยระหว่างการอภิปราย ไชยชนก ได้ถอนหายใจเป็นระยะๆ
ขณะที่ พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน สส.พรรคเพื่อไทย รองประธานสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ได้ขอให้ไชยชนกกระชับเนื้อหาเพื่อเข้าสู่ประเด็น ด้าน กรวีร์ ปริศนานันทกุล สส.อ่างทอง พรรคภูมิใจไทย ลุกขึ้นชี้แจงว่า ญัตติดังกล่าวของไชยชนก แตกต่างจากญัตติอื่นที่เสนอเข้ามาพร้อมกัน ขอให้นายไชยชนก ได้อภิปรายในประเด็นภัยพิบัติ จากนั้นจะเข้าสู่ประเด็นวิกฤตเศรษฐกิจโลกต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อไชยชนกเข้าสู่เนื้อหาเรื่องการขึ้นภาษีนำเข้าของสหรัฐอเมริกา ในตอนหนึ่ง ไชยชนก ระบุว่า ปัญหาที่เกิดขึ้น เป็นผลมาจากนโยบายของ โดนัลล์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา เราต้องยอมรับในสถานการณ์ว่า เป็นแค่เพียงจุดเริ่มต้นของสิ่งที่ทรัมป์จะทำ เรื่องนี้มีแต่จะดุเดือดรุนแรงมากขึ้น ขึ้นภาษีจีนมาถึงกว่า 100 เปอร์เซ็นต์
ขนาดประเทศแคนาดาที่เปรียบเสมือนเป็นประเทศเดียวกันกับอเมริกายังคุยกันไม่รู้เรื่อง แล้วเราเป็นใคร ประชาชนจึงจำเป็นจะต้องได้ยินว่าเวลานี้ไม่ใช่เวลาของการพัฒนา การลงทุน หรือกระตุ้นเศรษฐกิจ เวลานี้เป็นเวลาที่เราไม่ควรจะก้าวไปข้างหน้า เวลานี้เราควรหยุด แล้วถอยมาหนึ่งก้าวเพื่อรักษาบุคลากรและทรัพยากรของประเทศไว้ให้ได้มากที่สุด เพื่อให้เราผ่านวิกฤตนี้ไปด้วยกันให้ได้ ผมขอให้เริ่มกันตั้งแต่วันนี้ ทุกฝ่ายต่างมีหน้าที่รับผิดชอบในแบบของตัวเอง ขอให้ไปพิจารณาตัวเองดูว่าสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อช่วยเหลือประเทศไทย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากไชยชนก อภิปรายเสร็จ ได้มีเพื่อน สส.จากพรรคภูมิใจไทย เข้าไปสวมกอดให้กำลังใจไชยชนกด้วย แม้แต่กระทั่ง รักชนก ก็ได้เดินเข้าไปพูดคุยให้กำลังใจไชยชนกด้วย