ห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ‘นพดล’ เสนอรัฐบาลเร่งทำ 4 ข้อ

8 เม.ย. 2567 - 06:01

  • ‘ปธ.กมธ.ต่างประเทศ’ ห่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา

  • ย้ำ 4 ข้อเสนอ แนะรัฐบาลตั้งกลไกติดตาม-แผนรองรับผู้หนีภัยสงคราม-ผลักดันการสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืน

Noppadon-is-concerned-about-the-Thai-Myanmar-border-situation-SPACEBAR-Hero.jpg

วันที่ 8 เมษายน 2567 นพดล ปัทมะ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) และประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การต่างประเทศ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงสถานการณ์ที่กองกำลังเคเอ็นยู ยึดเมืองเมียวดี ตรงข้าม อ.แม่สอด จ.ตาก ทำให้ขณะนี้มีผู้อพยพหนีภัยสงครามข้ามแดนมาแล้วบางส่วน 

นพดล กล่าวว่า เรื่องนี้ทาง กมธ. เคยมีข้อเสนอแนะถึงผู้ที่เกี่ยวข้อง 4 ข้อ คือ 

1.รีบตั้งกลไกติดตามสถานการณ์ในเมียนมาอย่างใกล้ชิด

2.มีแผนรองรับผู้อพยพหนีภัยสงครามและผลกระทบการสู้รบในเมียนมา

3.ช่วยเหลือทางมนุษยธรรมให้ครอบคลุม ทั้งคนเมียนมาและชนกลุ่มน้อยที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ

4.ผลักดันการเจรจาสันติภาพในเมียนมาโดยผ่านกลไกทรอยกาพลัส (Troika Plus) ไทยควรเป็นหัวหอกเชิญประธานอาเซียน จีน อินเดีย เข้ามาผลักดันการเจรจาสร้างสันติภาพในเมียนมา ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ตรงเป้าที่สุด และได้จังหวะเวลาที่สุด

นพดล กล่าวต่อว่า ขณะนี้เหตุการณ์กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ สู้รบกับรัฐบาลทหารเมียนมา เป็นเรื่องที่ฝ่ายความมั่นคงรับทราบมาอย่างต่อเนื่อง แต่มีคำถามว่าเรามีแผนรองรับที่ทันการและครอบคลุมหรือไม่ เนื่องจากการสู้รบน่าจะดำเนินการไปอย่างต่อเนื่องในฤดูแล้ง และจะมีคนหลบหนีภัยสงครามมาเป็นจำนวนมาก รวมถึงอาจมีคนหนีการเกณฑ์ทหารในเมียนมาข้ามแดนเข้ามาประเทศไทยเป็นจำนวนมาก 

“ซึ่งถามว่าระบบการตรวจสอบและการขึ้นทะเบียนคนเข้าเมืองทันการ และสามารถรองรับได้เพียงใด มิฉะนั้นในอนาคตเราก็จะมีบุคคลที่เข้าเมือง แต่ไม่มีเอกสารเป็นจำนวนมาก ซึ่งอาจจะกระทบต่อปัญหาความมั่นคงในอนาคตได้”

นพดล กล่าวอีกว่า จากสถานการณ์ล่าสุดในเมียนมา ตนขอย้ำข้อเสนอ 4 ข้อที่ กมธ.ต่างประเทศ เคยเสนอไปแล้วเพื่อให้ภาครัฐไปดำเนินการ โดยเฉพาะการเร่งรัดการมีกลไกระดับชาติจะเป็นในรูปแบบกรรมการ หรือมีเจ้าภาพในรูปแบบอื่นเพื่อติดตามสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาในเมียนมาอย่างใกล้ชิด เพื่อมีมาตรการรองรับอย่างเป็นระบบ 

และภาครัฐน่าจะสื่อสารแผนรองรับการอพยพหนีภัยสงคราม หนีการเกณฑ์ทหารว่าน่าจะมีจำนวนเท่าใด เพราะในขณะนี้มีข้อมูลว่ามีชาวเมียนมาที่เข้ามาในประเทศไทย โดยไม่ผ่านช่องทางคนเข้าเมืองอย่างถูกกฎหมายและซ่อนตัวอยู่ในจังหวัดต่างๆ บ้างแล้ว ซึ่งเราไม่สามารถทราบได้ว่ามีจำนวนเท่าไหร่ ซึ่งจะมีผลกระทบในระยะยาว

“ในขณะที่มีผู้หนีภัยสงคราม เราก็ต้องช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมโดยไม่เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าการหลบภัย อาหาร อย่างไรก็ตาม ผมเห็นว่าต้นเหตุของปัญหาคือการสู้รบ จึงคิดว่าเวลานี้น่าจะเป็นเวลาที่เหมาะสมมาก ในการที่จะผลักดันกระบวนการสันติภาพในเมียนมา โดยการตั้งทรอยกาพลัส เพื่อโน้มน้าวทุกฝ่ายในเมียนมาหันหน้ามาพูดคุยกัน เพื่อสร้างสันติภาพอย่างยั่งยืนในเมียนมา เพราะถ้ามีการสู้รบกันต่อไป คนที่ต้องรับภาระมากที่สุดคือประเทศไทย

นพดล กล่าวด้วยว่า เรามีความปรารถนาดี อยากเห็นสันติภาพ เสถียรภาพ และเอกภาพในเมียนมา ดังนั้น ไทยจึงควรเป็นหัวหอกหลักในการร่วมมือคุยกับทางประธานอาเซียน จีน อินเดีย และควรดำเนินการทันที เพราะข้อเสนอในเรื่องนี้นั้น นักวิชาการและผู้สันทัดกรณีเรื่องเมียนมาก็ได้เสนอแนะรัฐบาลมาอย่างต่อเนื่อง ถ้าทำได้ก็จะปูทางไปสู่สันติภาพอย่างยั่งยืน เป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุและตรงจุดที่สุด รวมทั้งจะเพิ่มพูนบทบาทของไทยในเวทีโลกด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์