สุทิน คลังแสง รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีนายกรัฐมนตรีลงพื้นที่ไปตรวจบ้านพักของกำลังพลทั้งในส่วนกองทัพบกและกองทัพเรือว่า ได้มีการพูดคุยกันก่อนแล้วในวงการรับประทานอาหารร่วมกับผบ.เหล่าทัพครั้งล่าสุด นายกฯบอกว่าจะลงไปดูเรื่องนี้ รวมถึงสวัสดิการ ซึ่งก็เข้าใจตรงกัน ขณะที่ตนเองได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาชุดหนึ่ง ฉะนั้น ใครสะดวกก็ไป โดยนายกฯสะดวกก่อนท่านก็ไปก่อน ในส่วนของตนเองจะไปตามเก็บรายละเอียดตามหลังท่าน ยืนยันว่าไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ไม่ได้รู้สึกว่าเก้าอี้โดนสั่นคลอนใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ไม่ เพราะได้คุยกันก่อนแล้ว และนายกฯ เป็นผู้บังคับบัญชา ท่านไปได้ทุกกระทรวง ทบวง กรมตามที่อยากเห็น เพราะท่านมาจากนักธุรกิจก่อสร้าง ท่านสนใจและมีความรู้ในเรื่องนี้มากว่าจะทำบ้านพักอย่างไรให้ประหยัดและอยู่กันได้ จึงอยากลงพื้นที่ไปดูข้อเท็จจริง แทนที่จะนั่งสั่งการอย่างเดียว เมื่อถามว่า มีน้อยใจหรือนอยด์หรือไม่ สุทิน ปฏิเสธว่าไม่ นายกฯบอกตนตลอด แม้แต่ท่านจะไปคุยกับกองทัพอากาศเรื่องสนามกอล์ฟ ท่านก็บอกว่าจะขอไปดูก่อน ส่วนรายละเอียด ให้ตนไปเก็บ ไม่มีปัญหา
รมว.กลาโหม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีได้กำหนดวันจะไปเยี่ยม ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่บ้านพักจันทร์ส่องหล้า ไว้หรือยังว่า มีแต่ยังไม่กำหนดวัน ขอดูโอกาสที่เหมาะสม
เมื่อถามถึงความคืบหน้าการเจรจาแบ่งผลประโยชน์พื้นทับซ้อนไทยกับกัมพูชา สุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องของกระทรวงการต่างประเทศ (กต.) ซึ่ง กต.จบอย่างไร กระทรวงกลาโหมก็รักษาแนวเขตนั้นให้ กระทรวงกลาโหมไม่ใช่เป็นฝ่ายไปเจรจา เมื่อถามว่า คณะกรรมการเขตแดนร่วม (เจบีซี) กระทรวงกลาโหมก็อยู่ในคณะกรรมการชุดนี้ นายสุทิน กล่าวว่า ในส่วนนั้นจะมีบางเรื่องที่เราคิดว่ามีเรื่องความมั่นคงเข้าไปด้วย อาจจะต้องนำความเห็นของกระทรวงกลาโหมไปร่วมด้วย ส่วนเรื่องเกาะกูดยังไม่มี
เมื่อถามว่า มีความเชื่อมั่นในตัวนายทักษิณว่าจะไม่ไปเจรจาเรื่องนี้ จนทำให้ไทยเสียเปรียบใช่หรือไม่ สุทิน เชื่อว่าไม่มี ทุกคนอยู่ในที่แจ้งหมด และท่านก็ระมัดระวังอยู่
เมื่อถามว่า ปัญหาเรื่องเกาะกูด มั่นใจว่าทางกัมพูชาจะยกเกาะกูดให้ไทย โดยจะไม่นำประเด็นเข้ามาในการเจรจาใช่หรือไม่ สุทิน เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีวาระซ้อนเร้น และน่าจะออกมาดี ทุกคนทำด้วยสุจริตใจ เพราะสังคมดูอยู่แล้ว
เมื่อถามย้ำว่า จะต้องคุยกับกัมพูชาอีกรอบหรือไม่ว่า จะไม่เอาพื้นที่เกาะกูดไปเป็นส่วนหนึ่งของกัมพูชา สุทิน กล่าวว่า ต้องถามทาง กต. อย่างไรก็ตาม สำหรับความคืบหน้าการพูดคุยในปัจจุบันนั้น ยอมรับว่า หยุดไปพักหนึ่ง ตอนนี้อาจจะเริ่มคุยกัน เพราะตอนนั้นเป็นคนละรัฐบาล บรรยากาศการพูดคุยของแต่ละรัฐบาลไม่เหมือนกัน และเรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน จะพูดอะไรก็ต้องระมัดระวัง ไม่อยากให้กระทบบรรยากาศความร่วมมือที่จะพัฒนาเศรษฐกิจ ก็อยากจะเว้นไว้นิดนึง แต่วันนี้น่าจะเป็นโอกาสที่จะต้องคุยกัน
เมื่อถามว่า การที่สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เดินทางมาเยี่ยมทักษิณ คิดว่าคุยกันเรื่องนี้หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ไม่พูดเรื่องนี้หรอก และในช่วงที่สมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาเน็ต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เยือนไทย ก็ไม่ได้ลงรายละเอียดในเรื่องนี้ เพียงแต่คุยว่าเรื่องนี้จะต้องคุยให้เกิดประโยชน์ของทั้งสองประเทศ และระมัดระวังอย่าให้เป็นเรื่องที่ต้องทะเลาะกัน ก็เท่านั้น
รมว.กลาโหม ยังให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคก้าวไกลออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัยที่ไม่กู้ขึ้นมาทั้งลำ และการล้มประมูลการกู้เรือก่อนหน้านี้ ว่า เรื่องการกู้เรือหลวงสุโขทัยตนเคยตอบคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การทหาร สภาผู้แทนราษฎรไปแล้วว่า ของเดิมเราจะกู้เอง แต่ทางสหรัฐอเมริกาซึ่งเป็นผู้ขายเรือให้กับกองทัพเรือมีข้อตกลงว่า สหรัฐฯไม่อยากให้ชาติอื่นเข้ามาถึงเทคโนโลยีของเขา และมีข้อตกลงอยู่ว่าหากเรือมีปัญหาเขาจะเป็นฝ่ายเดินทางมาซ่อมเอง รวมถึงการกู้เรือ จึงต้องยอมรับข้อตกลงนี้ ส่วนวิธีการกู้เรือ คนพูดจะต้องเข้าใจเรื่องเทคนิค และกรรมวิธี นวัตกรรมในการกู้ เดิมคิดว่าจะยกขึ้นมาทั้งลำ แต่เสี่ยงที่เรือจะหัก ฉะนั้น ตนอยากให้ไปศึกษาวิธีการกู้เรือแล้วค่อยออกมาพูด ทั้งนี้ ทางสหรัฐฯได้มีการพูดคุยเรื่องนี้กับทางวิศวกรอย่างละเอียด ซึ่งเขาดูว่าการกู้ที่ดีที่สุดคือ การทยอยกู้ โดยเขาจะส่งทีมนักประดำน้ำลงไปสำรวจและถ่ายภาพขึ้นมาทั้งหมด เพื่อเป็นการเก็บหลักฐาน รวมถึงการสำรวจกำลังพลอีก 5 นายที่สูญหาย หากพบจะนำขึ้นมาก่อน หลังจากนั้นจะเป็นเรื่องเทคโนโลยีของเขาเอง
“เขายังบอกอีกว่าการกู้เรือด้วยการยกมาทั้งลำในหลายประเทศเคยทำมาแล้วหัก ยิ่งจะทำให้เสียหลักฐาน ส่วนการล้มประมูลนั้น การกู้เรือก่อนหน้านี้ เกิดเหตุจากเราไม่สามารถฝืนข้อตกลงของสหรัฐฯได้ รวมทั้งเป็นการประหยัดงบประมาณ และทางสหรัฐฯก็ออกงบประมาณบางส่วนมากู้ ส่วนเราสมทบไปจำนวนหนึ่ง แต่ไม่มาก กองทัพเรือยืนยันว่าประหยัดงบของรัฐบาลและราชการ ฉะนั้น ดูแล้วมีแต่ประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ” สุทิน กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า เชื่อหรือไม่ว่ากองทัพไม่ได้อำพรางซ่อนเร้น เพราะเรือจมอยู่ใต้ทะเล 1 ปี 2 เดือน หลักฐานต่างๆ อาจจะถูกทำลาย สุทิน เชื่อว่าไม่มีเจตนานั้น เพราะเท่าที่ทราบ เขาก็ดำเนินการสอบสวนกันอยู่ และจะต้องมีการลงโทษ ส่วนเรื่องหลักฐานเป็นเรื่องที่เราซีเรียส ได้กำชับไปทางสหรัฐฯว่าจะกู้วิธีไหนก็แล้วแต่ แต่เรื่องหลักฐานทางคดีต้องไม่ทำให้เสีย ซึ่งเขายืนยัน
เมื่อถามว่า ข้อครหาอย่างหนึ่งคือ คำสั่งการที่มีส่วนทำให้ผู้การเรือสละเรือช้า สุทิน กล่าวว่า เป็นเรื่องที่สอบสวนกันอยู่ ซึ่งไม่เกี่ยวกับซากเรือ สามารถสอบสวนโดยสถานการณ์ และพยานแวดล้อมได้ ล่าสุด พล.ร.อ.อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ ได้ระบุว่าเรื่องคดีไม่มีการยุติหรือปิดไปกับการกู้เรือ เพราะฉะนั้นจะต้องมีคนที่จะต้องรับผิด