‘นายกฯ’ เผยถ้า ‘พท.- กก.’ เป็นรัฐบาล ยังไง ‘คุณพ่อ’ ก็กลับเมืองไทยอยู่ดี

25 มี.ค. 2568 - 11:00

  • ’ลูกอิ๊งค์‘ เปิดโหมดดราม่ากลางสภาฯ! โอดตลอด20ปีผ่าน ’พ่อ‘ เจอสารพัดความ ’อยุติธรรม‘ เล่นงานติดหนึ่งในท็อป ต้องพรากจากอยู่ไกลกันสุดเจ็บปวด

  • เย้ยหาก ‘ก้าวไกล-เพื่อไทย’ จับมือตั้งรัฐบาลสำเร็จ ยังไงก็กลับมาอยู่ดี ปณิธานแรงกล้า ขอใช้ชีวิตบั้นปลายที่ไทย ขอรอผลตรวจสอบจาก ‘แพทยสภา’ ออก อธิบายเรื่อง ’ป่วยชั้น14‘ ไปยังไงก็ไม่เชื่อ ยันไร้แทรกแซงขรก. ด้าน ’โรม‘ ลุกโต้ทันควัน เปล่าเป็น ’ม็อบเหลือง-แดง‘ หลัง ‘รัฐประหาร’ ครั้งที่ 2 ออกมาต้านคนแรก

  • ตอกกลับหากตอนนั้น ’ก้าวไกล’ เป็นรัฐบาล ’อดีตนายกฯ‘ ไม่มีทางได้สิทธิพิเศษใดแน่นอน

Paetongtarn-clarifies-opposition-politicians-SPACEBAR-Hero.jpg

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มี ‘วันมูหะมัดนอร์ มะทา’ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาญัตติด่วนขอเปิดอภิปรายทั่วไปเพื่อลงมติไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล (แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี) ต่อเนื่องเป็นวันที่2 โดยนายกรัฐมนตรี เดินทางกลับเข้ามายังสภาฯ อีกครั้งพร้อมชี้แจงประเด็นต่างๆ ที่ถูกพาดพิงเป็นครั้งแรกของวันนี้ (25มี.ค.) ว่า ในเรื่องการครอบครองที่ดินเทมส์ วัลลีย์ (THAMES VALLEY)เขาใหญ่ จ.นครราชสีมา บริษัทครอบครัวทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายกิจการโรงแรมทุกประการ  

ส่วนกรณีการแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ รัฐบาลดำเนินการไปมากพอสมควรแล้ว ทำต่อเนื่องมาตั้งแต่ยุค ‘เศรษฐา ทวีสิน’ เป็นนายกฯ มีการประสานความร่วมมือกับประเทศเพื่อนบ้าน ได้แก่ จีน เมียนมา และกัมพูชา ในเรื่องของการจับกุม ปราบปราม การตัดไฟ โดยเฉพาะทางจีน ‘สีจิ้น ผิง’ ประธานาธิบดีสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ชื่นชมไทยที่จัดการเรื่องการตัดไฟ ตัดสัญญาณได้อย่างเด็ดขาด ดำเนินการได้รวดเร็ว วันนี้ปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัดมาจากความร่วมมือจากทุกประเทศที่เราขอความร่วมมือ ขณะที่มาตรการซีลชายแดน ต้องอาศัยความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้านด้วย หากเราทำเฉพาะของเรา อาจเกิดความขัดแย้งภายในได้ ดังนั้นเราทำงานกันเป็นทีม จนได้ผลอย่างดี หวังว่าฝ่ายค้าน จะเข้าใจการทำงานแบบทีมเวิร์ค และให้เกียรติซึ่งกันและกัน 

นายกฯ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้จัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการป้องกันแลัละปราบปรามอาชญากรรมออนไลน์ หรือ AOC สายด่วน 1441 เพื่อเป็นศูนย์กลางรับแจ้งเหตุจากประชาชนตลอด24ชั่วโมง ได้ระงับบัญชีม้าไปแล้ว 1.92 ล้านบัญชี มีระบบติดตามบัญชีที่มีธุรกรรมทางการเงินผิดปกติ เพิ่มมาตรการธนาคาร ยกระดับการตรวจสอบการเปิดบัญชีใหม่ให้ตรวจสอบประวัติมากขึ้นเพื่อป้องกันการเปิดบัญชีม้าได้ยากมากขึ้น มีการกวาดล้างซิมม้าแล้ว 2.4 ล้านเลขหมาย และระงับต้องสงสัยที่มีการใช้งานผิดปกติ 2.8 ล้านเลขหมาย ตรวจสอบผู้ใช้ Mobile banking ที่ลงทะเบียนตั้งแต่วันที่1ม.ค.68 จำนวน 3.176 ล้านเลขหมาย หากไม่มายืนยันตัวตน จะไม่สามาถใช้งาน  Mobile banking ได้

“ตั้งแต่มีมาตรการตัดน้ำ ตัดไฟ ตัดสัญญาณอินเตอร์เน็ต สถิติการแจ้งความคดีอาชญากรรมออนไลน์ทั้งหมดของประเทศไทยลดลงไปถึง 20 เปอร์เซ็นต์ โดยเฉพาะคดีคอลเซ็นเตอร์อย่างเดียว ลดลงถึง 67 เปอร์เซ็นต์ ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับประชาชนลดลงกว่า 50 เปอร์เซ็นต์ จากวันละ 100 ล้านบาท เหลือ 50 ล้านบาท แต่ตัวเลขยังไม่เป็นที่น่าพอใจ รัฐบาลจะทำให้เข้มข้นมายิ่งขึ้น“

นายกฯ ชี้แจงถึงนโยบายดิจิทัลวอลเล็ตว่า เป็นนโยบายเรือธงของรัฐบาล แต่เรือธงลำนี้กำลังเผชิญมรสุมการคัดค้านจากหลายองค์กร แต่รัฐบาลรับฟังทุกความเห็น พยายามประคับประคองอย่างดีให้เกิดการกระตุ้นเศรษฐกิจตามเป้าหมาย เพราะฉะนั้นใน 2 รอบแรกเราต้องแจกเป็นเงินสด แม้จะถูกมองว่าไม่ตรงปก แต่ยืนยันว่าตรงเป้าแน่นอน ส่วนรอบที่3ที่กำลังจะมาถึง จะเป็นดิจิทัลวอลเล็ตเต็มรูปแบบ ขณะนี้กำลังทดลองพัฒนาระบบ เริ่มต้นจากเยาวชนอายุ 16-20 ปี ที่มีพลังในการบริโภค มีความตื่นตัวทางเทคโนโลยี เรียนรู้รวดเร็ว จะเป็นกำลังสำคัญให้ครอบครัว ทั้งนี้ เป้าหมายระยะยาวคือยกระดับสังคมไทยเป็นสังคมดิจิทัล ตนมั่นใจว่าภายใน1วาระของรัฐบาลนี้ จะเกิดผลเป็นรูปธรรม ปกก็ตรง เป้าก็โดน  

นายกฯ ยังชี้แจงถึงกรณีชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจว่า ฝ่ายค้านที่อภิปรายเรื่องนี้ (รังสิมันต์ โรม) กับมีความเห็นต่างกัน ท่านก็เคยไปมีความเคลื่อนไหวกับ ‘แนวร่วมพันธมิตร’ ที่จังหวัดภูเก็ต แต่เชื่อมั่นว่าคงไม่ใช่อารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาอภิปรายในวันนี้ จึงอยากชี้แจงในฐานะของลูกสาว ตั้งแต่พ่อ (ทักษิณ ชินวัตร) เดินทางกลับมาประเทศไทย จนถึงวันที่ออกจากโรงพยาบาลชั้น14 ยังไม่ได้เป็นนายกฯ ไม่อยากให้ท่านอภิปรายให้เกิดความสับสนเหมือนกับว่าเป็นนายกฯแล้ว และมีอำนาจสั่งข้าราชการ หรือใครๆ ตอนนั้นเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย และไม่มีอำนาจใดๆ เลย ในเรื่องความถูกต้องและกฎระเบียบ ถึงจะอยู่ในตำแหน่งใดก็ตาม ทุกคนที่มีหน้าที่รักษากฎระเบียบเขาก็ต้องดำเนินการแบบนั้นต่อ การจะอภิปรายอะไรแบบนี้ ต้องเห็นค่าของผู้ที่รักษากฎหมาย คนที่เป็นข้าราชการ การพูดแบบนี้เหมือนเป็นการด้อยค่า

”ดิฉันเชื่อเป็นอย่างยิ่งไม่ว่าลูกคนไหนก็ตามที่เห็นความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับคุณพ่อที่ผ่านมาเกือบ 20 ปี ไม่มีใครอยากให้เกิด สถานการณ์ทั้งหมดที่ผ่านมาในรอบ20ปีของประเทศเรา ทุกคนทราบดีถึงความยากลำบากที่เราและประชาชนประสบมา ในเรื่องความอยุติธรรม ถ้าจะหาใครสักคนที่เผชิญเรื่องความไม่ยุติธรรม ดิฉันมั่นใจว่าทักษิณ คือหนึ่งคนท็อปๆ เลย ที่ได้รับความไม่ยุติธรรม ท่านได้ถูกยึดอำนาจทางการเมือง แล้วยังถูกยึดทรัพย์สิน ถูกลอบสังหารหลายรอบ ดิฉันตอนนั้นอยู่มหาวิทยาลัยก็ทราบว่าคุณพ่อถูกลอบสังหาร แต่สมัยนั้นเครื่องมือสื่อสารไม่ดีเหมือนสมัยนี้ พอเราได้ยินมา เด็กอายุ 18-19 คนหนึ่งที่ทราบว่ามีคนตั้งใจจะสังหาร ก็ไม่ได้มีความรู้สึกที่ดี ในวันนั้นไม่ทราบว่าเกิดอะไร ต้องรอสักพักถึงทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับคุณพ่อ เป็นเหตุการณ์ที่ต้องลุ้นแบบนี้ไม่ใช่ครั้งเดียว ก็หลายครั้ง เป็นสิ่งที่เกิดความเจ็บปวดในครอบครัว นอกจากนี้ยังต้องถูกพลัดพรากไปไกลกัน อยู่คนละประเทศเสมอ ดิฉันพยายามเดินทางไปหาคุณพ่อบ่อยๆ จนกระทั่งช่วงโควิด ดิฉันท้องลูกคนแรก6เดือน เดินทางยากลำบาก ไปอยู่กับท่าน1เดือน กลับมาก็7เดือน ตอนนั่งเครื่องบินก็เสียน้ำตา ไม่รู้ว่าโควิดจะหยุดเมื่อไหร่ เราเดินทางท้องโตจะติดหรือไม่ ช่วงนั้นวัคซีนก็ไม่มี”

นายกฯ กล่าวด้วยว่า แน่นอนว่าความไม่ยุติธรรมเหล่านี้เกิดขึ้นมันทำให้ครอบครัวที่เราสนิทกันอยู่แล้วก็รักกันมากยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่ทำให้เติบโตขึ้นมาอย่างมีสติ ทราบว่าอะไรควรไม่ควร ต้องเห็นใจซึ่งกันและกันอยู่เสมอ เป็นสิ่งที่ได้ฝึกฝนตัวเองมา ในความลำบากก็มีข้อดีที่ซ่อนอยู่ในนั้น ส่วนที่มีสมาชิกกล่าวหาว่าคุณพ่อกลับมาเพราะมีดีลกับปีศาจผ่านการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ ยืนยัน 100 เปอร์เซ็นต์ว่าไม่ใช่ความจริงเลย เป็นการตัดสินใจของท่านอย่างเต็มรูปแบบว่าจะกลับมา ก็ไม่อยากให้ท่านกลับมาต้องติดคุก หรือถูกจำกัดที่ทาง จึงบอกคุณพ่อไปว่าไม่เป็นไร อยู่เมืองนอกก็เจอกันได้ แต่ท่านอยากใช้เวลาที่เหลือกับครอบครัวที่ประเทศไทย ท่านมีความรักและห่วงประชาชนมาก คิดอะไรก็จะคิดแต่เรื่องเศรษฐกิจ คิดให้ประชาชนรวย ตนฟังท่านแล้วก็รู้สึกว่ามีแรงบันดาลใจในการทำงาน เพราะรู้สึกว่าคนเราเจอเรื่องมากมายขนาดนี้ แต่ยังคิดเรื่องดีๆ กับคนอื่นได้ ต้องใบ้พลังบวกในใจอย่างมาก ตนก็ได้อะไรตรงนี้มา

”ถ้าวันนั้นทางเพื่อไทย และก้าวไกลจับมือกันสำเร็จแล้วตั้งรัฐบาลได้ ท่านเป็นผู้นำรัฐบาล ส่วนพวกเราเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยังไงทักษิณก็กลับมาอยู่ดี แม้ว่ารัฐบาลนั้นจะจัดตั้งโดยใคร คือเรื่องจริงที่คุณพ่อตั้งใจแล้วว่าจะกลับมาให้ได้ ส่วนกระบวนการของพระราชทานอภัยโทษ เป็นสิทธิของผู้ต้องคดีความทุกคน ที่มีขั้นตอนกระบวนการต่างๆ ดิฉันขอไม่ก้าวล่วง ถ้าจะบอกว่าท่านป่วย ป่วยจริง ป่วยหลอก เมื่อแพทย์วินิจฉัยว่าคุณพ่อมีอาการป่วยต้องรักษาตัวที่โรงพยาบาลตำรวจ เป็นสิ่งที่ชัดเจน ถ้าดิฉันจะบอกท่านคุณพ่อผู้อายุ 70 กว่าป่วย ท่านจะเชื่อดิฉันหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ แต่ยืนยันว่าป่วยจริงๆ ต้องได้รับการผ่าตัด ช่วงโควิดเป็นโควิดหนักมาก น้ำหนักลดไป 10 กว่ากิโล ผมร่วง มีจุดที่ปอด ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ ถ้าจะบอกว่าคนอายุ 70 กว่าต้องผ่าตัด แล้วการผ่าตัดมันไม่ได้ง่ายเหมือนคนอายุน้อย ท่านเชื่อหรือไม่ ก็ไม่เชื่อ ดิฉันก็ไม่ทราบว่าจะต้องอธิบายแบบไหน ขณะนี้มีการยื่นเรื่องตรวจสอบต่อแพทยสภา เชื่อว่าผลสรุปจะออกมาในอีกไม่นานนี้ หวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกฝ่ายจะยอมรับ เพราะถามจากดิฉัน ดิฉันตอบ ท่านก็ไม่เชื่ออยู่ดี ไม่ทราบวาต้องทำอย่างไร“

นายกฯ กล่าว

แพทองธาร กล่าวด้วยว่า เมื่อมีกระบวนตรวจสอบกรณีทักษิณ ในฐานะลูกสาวห่วงใยแน่นอน เป็นลูกสาวที่รักคุณพ่อ หรือที่ในต่างประเทศเรียกว่า Daddy Girl แต่ในฐานะนายกฯ ไม่เคยใช้อำนาจไปแทรกแซงหน่วยงานใดเลย อย่าดูถูกข้าราชการไทย อย่าดูถูกระบบกระบวนการของราชการไทย ยุคสมัยนี้ทุกอย่างตรวจสอบได้ ส่วนที่มีการเรียกร้องให้ลาออก ถือเป็นสิทธิ์ที่ทุกคนสามารถทำได้ แต่สิ่งหนึ่งที่ทำไม่ได้คือขอให้ลาออกจากความเป็นลูกสาว หรือความเป็นแม่ ลาออกไม่ได้ พร้อมทำงานให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกคน ทุกจังหวัด ทุกที่ เพราะสวมหมวกนายกฯไทย ทำหน้าที่นี้เต็มที่สุดความสามาระแน่นอน แต่ในฐานะลูกสาวของทักษิณ ตนพูดคำนี้ด้วยความภูมิใจตั้งแต่ตนสามารถพูดได้ ขอให้ดูและพิสูจน์ที่ความสามารถ และความตั้งใจในการทำหน้าที่นายกฯ หากจะมีการวิพากษ์วิจารณ์หรืออภิปรายใดๆ ก็ขอให้วิจารณ์การทำงาน น่าจะเป็นประโยชน์ทั้งต่อสภาฯ และประเทศ  

ด้าน ‘รังสิมันต์ โรม’ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ลุกขึ้นใช้สิทธิ์ถูกพาดพิงกรณีถูกกล่าวหาว่าเป็นแนวร่วมพันธมิตรที่จังหวัดภูเก็ตว่า ตนเข้าใจนายกฯที่ มีประสบการณ์ชีวิตหลายอย่างที่เจ็บปวด ให้กำลังใจท่านในช่วงที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์ที่ผ่านมาก็ส่วนเหตุการณ์ที่ผ่านมา แต่เหตุการณ์วันนี้พวกเรารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ส่วนเรื่องการเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ยืนยันว่าชั่วชีวิตนี้ไม่เคยเข้าร่วมกับกลุ่มพันธมิตร ทั้งที่กทม. หรือภูเก็ต ตอนอายุ 14 ปี ตอนที่พ่อท่านถูกรัฐประหาร ไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตร ไม่ได้เห็นด้วยกับอุดมการณ์ความคิดของกลุ่มพันธมิตร หากจะมีความคิดใดใกล้เคียงที่สุด ก็คือการไปเรียกร้องประชาธิปไตย ซึ่งคนจำนวนมากที่เรียกร้องประชาธิปไตยเขานิยามตัวเองว่าเสื้อแดง แต่ไม่เคยนิยามตัวเองว่าเป็นคนเสื้อแดง มีความตะขิดตะขวงเพราะไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พ่อท่านทำหลายเรื่อง ส่วนตัวเป็นตัวของตัวเอง หลังการรัฐประหารครั้งที่ 2 ที่ยึดอำนาจไปจากอาของท่าน ส่วนตัวคือคนแรกๆ ที่ออกมาต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย ยืนยันอีกครั้งว่าไม่เคยเข้าร่วมกลุ่มพันธมิตรแน่นอน ไม่เคยไปยึดสนามบิน ส่วนเรื่องพรรคก้าวไกล ตนยืนยันว่าหากพรรคก้าวไกลในขณะนั้น ได้เป็นรัฐบาล อดีตนายกฯ จะไม่มีทางได้รับสิทธิพิเศษใดๆ อย่างแน่นอน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์