อุตตม สาวนายน และ สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแถลงหัวข้อ “พปชร.เตือนรัฐบาล เศรษฐกิจเข้าสู่จุดพลิกผันจะฟื้นจริง? หรือฟุบ!!!”
โดยชี้ให้เห็นว่า ไตรมาส 3 และ 4 เริ่มมีสัญญาณจากหลายสำนักทั้งในและนอกประเทศ ว่า เศรษฐกิจโลกอาจจะเริ่มฟื้นตัวได้ แต่ความเสี่ยงยังมีในหลายเรื่อง โดยเฉพาะภูมิรัฐศาสตร์ เรื่องสงคราม ความขัดแย้งอาจกระทบเศรษฐกิจ
เวิลด์แบงก์ ชี้ว่า อาเซียนน่าจะฟื้นตัวได้ดี แต่ประเทศไทย เมื่อเทียบกับเพื่อนในอาเซียน ตั้งแต่โควิดซา เราฟื้นช้ากว่าคนอื่น เราโตกว่าแค่เมียนมา ส่วนโพลของหอการค้า ชี้ออกมาว่าความเชื่อมั่นผู้บริโภคในประเทศยังไม่กระเตื้อง ลดต่อเนื่องมา 7 เดือนแล้ว ส่วนธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ชี้ว่า ไตรมาส 4 น่าจะดีขึ้น แต่ถ้าไม่ดี เราจะเสียโอกาส เพราะประเทศเพื่อนบ้านโตเร็วกว่า ชิงโอกาสได้ดีกว่าเรา รัฐบาลจึงต้องเร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาที่สะสม
อุตตม สาวนายน
อุตตม กล่าวอีกว่า ภาระหนี้ของประชาชนน่าเป็นกังวล ภาระหนี้ครัวเรือนจะแตะร้อยละ 90 ของขนาดประเทศไทยที่วัดโดยจีดีพี อยู่อันดับ 7 ของโลก ถ้ารัฐบาลหวังให้เศรษฐกิจฟื้นตัวเร็ว แต่ไม่ปลดภาระตัวนี้ ใส่เท่าไหร่ก็ต้องไปใช้หนี้ทั้งในและนอกระบบอยู่ดี ไม่หายในข้ามคืน
อยากเห็นรัฐบาลแก้ไขหนี้ที่เหมือนเป็นวาระแห่งชาติ แก้ทั้งระบบด้วยกระบวนการที่ครบถ้วน ปรับโครงสร้างหนี้ ปรับลดอย่างไร พักอย่างไร เอาให้มันทำได้จริง อยากเห็นกระบวนการแก้หนี้ที่ชัดเจน
อุตตม สาวนายน
ด้าน สนธิรัตน์ กล่าวถึงสองนโยบายเรือธงของรัฐบาล ซึ่งเป็นนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ นโยบายแรก เรื่องพลังงาน, พรรคเพื่อไทย ประกาศชัดเจนว่าเมื่อเป็นรัฐบาลจะลดราคาทันที
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วง ผ่านมาปีกว่า เป็นรัฐบาลมาสองคณะ คือยังไม่เห็นความชัดเจนนโยบายด้านพลังงาน ทั้งราคาน้ำมัน ที่มีความพยายามในการจะรื้อโครงสร้างราคาพลังงาน แต่กลับได้รับสัญญาณจากรองนายกฯ ที่คุมเศรษฐกิจ ในทิศทางตรงกันข้าม ว่า ไม่สามารถทำราคาพลังงานให้ถูกลงได้
คิดว่ารัฐบาลต้องเร่งทำความกระจ่างว่า ที่ รมว.พลังงาน จะรื้อโครงสร้างด้วยการแก้กฎหมายจะเสร็จเมื่อไหร่ และจะมีผลกระทบต่อราคาพลังงานหรือไม่
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
ส่วนเรื่องไฟฟ้า, สิ่งที่น่าเป็นห่วง คือ การประมูลการได้สิทธิผลิตไฟฟ้า ล่าสุด รัฐบาลประกาศจะประมูลเรื่องพลังงานทางเลือก สิ่งที่น่าสังเกตและน่ากังวลอย่างยิ่ง คือ การดำเนินการประมูลรอบที่แล้ว นำมาซึ่งข้อสังเกตถึงความไม่โปร่งใส เน้นไปเฉพาะเรื่องของคุณสมบัติของผู้ยื่นสมัครประมูล ทำเลที่ตั้ง ดูเหมือนให้ความสำคัญกับราคาไฟฟ้าน้อย แต่ให้ความสำคัญกับคุณสมบัติผู้ยื่นประมูลเป็นหลัก
รัฐบาลต้องการลดราคาพลังงาน แต่สิ่งที่รัฐบาลทำอยู่วันนี้จะนำไปสู่ลดได้จริงหรือไม่ เพราะราคาไม่ได้เป็นตัวแปรหลักในการประมูล ขออย่าเอานโยบายตั้งแต่ปี 65 มาเป็นตัวตั้ง ไม่เช่นนั้นจะดูเหมือนรัฐบาลไม่มีเจตนาทำให้ไฟฟ้าถูกลง และน่ากังวลว่า ทำไมต้องเร่งประมูล
ขอเสนอแนะให้รัฐบาลทำอย่างโปร่งใส อย่าให้มีข้อครหา การประมูลพลังงานทางเลือกที่จะใช้ในอนาคตเป็นการประมูลที่มีระยะเวลา ไม่ใช่ประมูลเสร็จผลิตทันที แต่มันบวกด้วยคำว่าเทคโนโลยี ระยะเวลาที่เปลี่ยนผ่านในอนาคต ต้นทุนการผลิตจะถูกลง การกำหนดราคาในวันนี้ ไม่น่าจะเป็นสิ่งที่ถูกต้อง มันควรแปรผัน และสะท้อนต้นทุน
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์
สนธิรัตน์ ยังกล่าวถึงการแจกเงิน 1 หมื่นบาท ให้กลุ่มเปราะบางนั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจจะต้องดำเนินการนโยบายต่อเนื่อง เพื่อให้เศรษฐกิจเกิดพลัง หรือ ‘พายุหมุน’
แต่ปัจจุบันเมื่อแจกครั้งที่หนึ่งเสร็จแล้ว ครั้งที่สองยังเป็นเครื่องหมายคำถามว่า อะไรคือปัญหาที่ให้คำตอบไม่ได้ว่าการแจกครั้งที่สองจะมาเมื่อไหร่ และหากรัฐบาลจะแจกรอบที่สอง ต้องชัดเจนว่าแจกเมื่อไหร่ หากล่าช้ากว่ารอบที่หนึ่ง
พรรคพลังประชารัฐไม่เชื่อว่าจะกระตุ้นเศรษฐกิจได้จริง ใช้ครั้งเดียวหมด ไม่ได้เกิดพายุหมุน และเม็ดเงินมหาศาลที่ใช้จะเป็นภาระใหญ่มากของประเทศในอนาคต และขณะนี้ ต่างชาติเริ่มประเมินภาวะการคลังของประเทศไทยแล้ว มีแนวโน้มจะลดเครดิตเรตติ้ง อันเกิดจากภาวะการคลังที่เปราะบางขึ้น ในส่วนเพดานหนี้สาธารณะนั้น ภาระหนี้มีส่วนต่างแค่ล้านเศษๆ ถ้าเดินนโยบายผิดพลาด จะกระทบภาพใหญ่ความมั่นคงทางการคลังของรัฐบาลแน่นอน
สนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์