พรรณิการ์ วานิช แกนนำคณะก้าวหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ กฤษฎิ์ ชีวะธรรมานนท์ สส.ชลบุรี พรรคประชาชน (ปชน.) ประสงค์จะย้ายไปร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม (กธ.) รวมถึงกรณีพรรคกธ.ระบุด้วยว่าจะมีสส.ฝ่านค้านย้ายเข้าไปร่วมกับพรรคอีกจำนวนมากว่า การโหมว่ามีอีกหลายคนนั้นเป็นเรื่องปกติ เพราะพรรค กธ.โหมมากว่า 2 เดือนแล้ว ตั้งแต่ช่วงอภิปรายไม่ไว้วางใจ ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่า เมื่อหลังมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็จะมีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ทั้งนี้ การพยายามจะเปิดตัวสส.ย้ายมาร่วมกับพรรคก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นเรื่องของการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี ฉะนั้น เราไม่สามารถแยกเรื่องงูเห่ากับ เสถียรภาพของพรรคร่วมรัฐบาลได้ เพียงแต่ราคาคุยที่บอกว่า มีจำนวน 20 คน หรือ 30 คน ตอนนี้ก็เห็นชัดแล้วว่า มีกฤษฎิ์ แม้จะออกไปแบบเต็มตัวไม่ได้
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้พรรคประชาชน (ปชน.) เตรียมโหลไว้เยอะพร้อมสำหรับ ‘ดองงู’ เพื่อส่งเสริมสุราก้าวหน้า ส่วนจะมีงูเห่าเพิ่มขึ้นอีกหรือไม่นั้น ไม่สามารถรับรองแทนพรรคหรือ สส.ได้ว่าจะมีอีกมากน้อยแค่ไหน แต่เท่าที่พูดคุยกับทีมจังหวัดชลบุรีและภาคตะวันออกก็ยังถือว่าแน่นหนาอยู่
พรรณิการ์ เชื่อว่า ประชาชนทราบดีว่า แม้พรรค ปชน.จะมีการกรองคนดีแค่ไหน ซึ่งมองว่า พัฒนาจากสมัยพรรคอนาคตใหม่ที่มีงูเห่านับสิบ ตอนนี้มีเพียงแค่ 1 ถือว่ามีพัฒนาการ แต่เมื่อมีกล้วย มีแป้งก็สามารถล่องูโผล่ออกมาจากถ้ำได้ เราก็ไม่รู้ว่าสุดท้ายจะมีงูเห่าอีกมาน้อยแค่ไหน แต่เชื่อว่าพรรคจะเดินต่อไปได้และประชาชนเข้าใจ เพราะเรื่องงูเห่ามีปัญหาตั้งแต่รัฐธรรมนูญที่ระบุให้ สส.เมื่อถูกขับออกสามารถย้ายพรรคได้ ถือเป็นการเปิดทางให้มีการซื้องูเห่าโดยเฉพาะ เมื่อรวมถึงเรื่องเสถียรภาพของรัฐบาลที่มีการชักเข้าชักออกจะทำให้มีคนคิดว่าหากมีการขยายมุ้งก็อาจจะได้เก้าอี้เพิ่ม ทราบข่าวมาว่า เขาอยากได้ถึงตำแหน่ง มท.1 ซึ่งอันนี้หวังสูงไปนิด
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการจะซื้องูเห่าให้ได้ถึง 30-40 คนเพื่อมาแทนที่พรรคภูมิใจไทยนั้น มองว่าเป็นเรื่องที่เกินจริง แต่ที่พรรคกธ.บอกว่าจะได้ สส.ถึง 20 คนนั้น ก็ขอให้รอดูกันต่อว่า จะมาจากไหน ถ้าจะมาจากพรรค ปชน.ถึงหลักสิบ ส่วนตัวคิดว่าเรื่องนี้ไม่น่าเป็นไปได้
เมื่อถามว่า มองการเมืองลักษณะนี้เป็นอย่างไร พรรณิการ์ กล่าวว่า การเมืองถอยหลังไปกว่า 40 ปีได้ ตั้งแต่ยังมีคำหยาบที่เรียกว่ากะหรี่การเมือง ย้ายพรรคไปย้ายพรรคมา ซึ่งมองว่า สิ่งที่ประชาชนต้องช่วยกันประชาทัณฑ์ คือ เมื่อเราพูดถึงงูเห่าที่หมายถึงคนทรยศ และไม่ได้หมายถึงทรยศต่อพรรคการเมือง แต่หมายถึงทรยศต่อประชาชนที่เลือกมา เพราะกรณีกฤษฎิ์ก็ชัดเจนแล้วว่าประชาชนเลือกมา เพราะเป็นพรรคก้าวไกล ประชาชนเลือกมาเพราะพรรค แต่เมื่อถึงเวลากลับบอกว่าอุดมการณ์ไม่ตรงกัน และขอให้พรรคขับออกเพื่อให้ไปอยู่พรรค กธ.
พรรณิการ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม มองว่า กฤษฎิ์มีอยู่สองทางเลือกคือ อยู่ให้จบครบเทอม แล้วครั้งหน้าลงเลือกตั้งในนามพรรค กธ. หรือหากอดทนไม่ได้ ร้อนรนไปหมด ก็ขอให้ลาออก ซึ่งก็แฟร์ทั้งคู่ พรรค ปชน.ก็ส่งคนในนามของพรรคปชน.ต่อให้ประชาชนเจ้าของอำนาจตัดสินใจอีกครั้ง แพ้คือแพ้ ชนะคือชนะ แต่ตอนนี้ก็ชัดแล้วว่า กฤษฎิ์ไม่ต้องการลาออก เพราะไม่ต้องการเสียสิทธิ์ในการเป็นสส.
ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าการที่พรรค กธ.ดึงสส.งูเห่าเช่นนี้ถือเป็นการต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรี พรรณิการ์ กล่าวว่า คงไม่ซื้องูเห่า แต่เอาไปดูเล่น เพราะงูเห่าไม่ได้น่ารักอะไร และอีกมุมหนึ่งก็เปลืองแต่แน่นอนแล้วว่า วันนี้ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย ซึ่งตอนนี้ก็เหมือนละครหลังข่าว ซึ่งถือเป็นละครตบจูบ แต่ช่วงหลังเหมือนจะตบแรงแล้วไม่มีจูบ โดยภายใต้สถานการณ์แบบนี้ก็เล็งเห็นอยู่แล้วว่าพรรคไหน ถ้าหาเสียงสนับสนุนเสถียรภาพของรัฐบาลก็จะมีอำนาจในการต่อรองมาก ซึ่งต้องยอมรับว่า ในยุคนี้มีการซื้องูเห่าเป็นไปอย่างไม่สะทกสะท้าน แล้วสมัยของพรรคอนาคตใหม่การซื้องูเห่า ก่อนหน้านี้ก็ถูกซื้อโดยพรรคภูมิใจไทยเป็นหลัก แต่อนุทิน ชาญวีรกุล ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยก็ไม่เคยออกมาพูดแบบตรงๆ มีแต่บอกแบบแบ่งรับแบ่งสู้ว่า เขามาเอง
“แต่ในยุคนี้หัวหน้าพรรคกล้าธรรมกลับยกมือตัวเองขึ้นมาดมแล้วบอกว่าเนื้อหอม แสดงให้เห็นว่าใครต่อใครก็อยากย้ายเข้ามา ซึ่งดิฉันมองว่าประชาชนไม่ได้ทานหญ้า ไม่ว่าจะเป็นหญ้าหวานหรือหญ้าอะไรก็ตามว่าในการย้ายพรรคกลางเทอมเช่นนี้ แล้วไปพรรคกล้าธรรม ที่ตอนนี้เราก็ยังไม่รู้เลยว่านโยบายและแนวทางพรรคเป็นอย่างไร ประชาชนคงทราบกันดีอยู่แล้ว”
— พรรณิการ์ กล่าว
เมื่อถามถึง กรณีที่พรรค กธ.ระบุว่า เป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้งปี 2570 นั้น พรรณิการ์ มองว่า ตลก เพราะทุกคนก็รู้กันดีว่างูเห่า ไม่ว่าจะสีส้มหรือสีแดงสอบตก เปอร์เซ็นต์จากการเลือกตั้งครั้งล่าสุด โดยสถิติก็บอกแล้วว่า หากคาดหวังการเลือกตั้งครั้งต่อไป งูเห่าไม่สามารถที่จะกลับมาชนะการเลือกตั้งได้ เพราะประชาชนจะลงทัณฑ์อย่างถึงที่สุด