ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 09.00 น. ที่สวนสาธารณะหนองประจักษ์ จ.อุดรธานี เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง พร้อมด้วยภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯและรมว.พาณิชย์ สมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.คมนาคม เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รมว.วัฒนธรรม ไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ เกรียง กัลป์ตินันท์ รมช.มหาดไทย และคณะ ลงพื้นที่ตลาดร่มเขียวอุดรธานี โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคักมีประชาชนมาให้การต้อนรับอย่างเนืองแน่น และรุมกรี๊ดเมื่อเจอนายกฯตัวจริง ก่อนพูดว่า “ตัวจริงสูงและหล่อกว่าในทีวี”
ด้านนายกฯ ได้ยกมือไหว้ทักทายประชาชนตลอดเส้นทาง ซึ่งทุกร้านค้าได้พยายามนำเสนอสินค้าของตัวเองให้นายกฯได้ชิม ทั้งข้าวจี่ ปลาร้าบอง ถั่วคั่ว กล้วย และก๋วยเตี๋ยวหลอด โดยนายกฯได้ทดลองชิมเพียงบางอย่าง เพราะบางอย่างรับประทานไม่เป็น ขณะที่นายกฯ ยังอุดหนุนสินค้าการเกษตร อาทิ ผักสวนครัว ข้าวไรซ์เบอรี่ และถั่วคั่วทราย ที่เป็นของขึ้นชื่อของจ.อุดรธานี และนายกฯยังถือโอกาสเหมาร้านข้าวจี่ด้วย นอกจากนี้ นายกฯจะเดินตลาดแล้ว ยังให้คำแนะนำกับพ่อค้าแม่ค้าพัฒนาแพคเกจจิ้งเพื่อส่งออก รวมถึงอยากใส่รายละเอียดเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพราะสินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าช่วงหนึ่งระหว่างเดินในตลาดมีคุณลุงได้เดินมา ท้านายกฯว่า “นายกฯต้องทำให้ประเทศนี้เป็นรัฐสวัสดิการให้ได้ แล้วผมจะยอมรับ” ซึ่งนายกฯตอบกลับไปทันทีว่า “พูดแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ รัฐสวัสดิการคือ รัฐดูแลประชาชน ย้ำว่ารัฐดูแลประชาชน”
จากนั้น ในเวลา 09.50 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางด้วยรถไฟดีเซลรางนั่งปรับอากาศชั้นที่ 2 ขบวนพิเศษ โบกี้ 2516 โดยเดินทางจากสถานีรถไฟอุดรธานี ไปยังสถานีรถไฟหนองคาย กับนักธุรกิจภาคเอกชน เพื่อพูดคุยประเด็นการขนส่งสินค้าสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
ระหว่างนั่งรถไฟนายกฯและคณะ ได้พูดคุยกับณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน วรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงเส้นทางรถไฟรางคู่ ขณะนี้ระยะ 1 ถึงแค่ จ.ขอนแก่น เท่านั้น ส่วนระยะที่ 2 จะมีการเชื่อมต่อจาก จ.ขอนแก่น มายัง จ.หนองคาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการขนส่ง ให้สามารถเชื่อมต่อจากไทยไปลาวและจีนได้ ขณะที่หอการค้าไทย-จีน และสภาอุตสาหกรรม จ.อุดรธานี ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จก่อนปี 69 จ.อุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว
จากนั้นขบวนรถไฟได้หยุดแวะพักที่สถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย ซึ่งจะเป็นจุดที่ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกฯได้ขอรายละเอียดการพัฒนาพื้นที่นาทา ที่มีแนวคิดต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าแบบ One stop service ที่มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจุดเดียวไม่ว่า ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ขณะที่ ปลัดกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่าการดำเนินการที่ผ่านมาแผนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับที่นายกฯต้องการ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าประเทศเพื่อนบ้านสำหรับพื้นที่นาทาอาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบริเวณโดยรอบ 193 ไร่ และอาจจะต้องใช้เงินลงทุน 5,400 ล้านบาท โดยจะต้องใช้แนวทางให้เอกชนร่วมลงทุน พร้อมทั้งมีการรายงานต่อนายกฯว่าการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทยกับลาว ยังมีความล่าช้าเนื่องจาก เส้นทางรถไฟจุดสะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนัก ได้น้อยจึงมีแปนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำหนัก เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น
จากนั้นเมื่อเวลา 10.50 น. ขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหนองคาย มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ โดยได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า และขอถ่ายรูปกับนายกฯด้วยความคึกคัก พร้อมตะโกนด้วยว่า “นายกเศรษฐา ชาวนาจะเป็นเศรษฐี” ขณะเดียวกัน ยังมีสภาเกษตรกรจังหวัดสภาเกษตรกรหนองคายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกฯเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาสิทธิทำกินและปัญหาแหล่งน้ำ
ด้านนายกฯ ได้ยกมือไหว้ทักทายประชาชนตลอดเส้นทาง ซึ่งทุกร้านค้าได้พยายามนำเสนอสินค้าของตัวเองให้นายกฯได้ชิม ทั้งข้าวจี่ ปลาร้าบอง ถั่วคั่ว กล้วย และก๋วยเตี๋ยวหลอด โดยนายกฯได้ทดลองชิมเพียงบางอย่าง เพราะบางอย่างรับประทานไม่เป็น ขณะที่นายกฯ ยังอุดหนุนสินค้าการเกษตร อาทิ ผักสวนครัว ข้าวไรซ์เบอรี่ และถั่วคั่วทราย ที่เป็นของขึ้นชื่อของจ.อุดรธานี และนายกฯยังถือโอกาสเหมาร้านข้าวจี่ด้วย นอกจากนี้ นายกฯจะเดินตลาดแล้ว ยังให้คำแนะนำกับพ่อค้าแม่ค้าพัฒนาแพคเกจจิ้งเพื่อส่งออก รวมถึงอยากใส่รายละเอียดเพื่อจูงใจให้ผู้บริโภคซื้อสินค้า เพราะสินค้าบางอย่างของไทยเป็นที่ต้องการในต่างประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าช่วงหนึ่งระหว่างเดินในตลาดมีคุณลุงได้เดินมา ท้านายกฯว่า “นายกฯต้องทำให้ประเทศนี้เป็นรัฐสวัสดิการให้ได้ แล้วผมจะยอมรับ” ซึ่งนายกฯตอบกลับไปทันทีว่า “พูดแบบนี้คนอาจจะไม่เข้าใจ รัฐสวัสดิการคือ รัฐดูแลประชาชน ย้ำว่ารัฐดูแลประชาชน”
จากนั้น ในเวลา 09.50 น. นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ ได้เดินทางด้วยรถไฟดีเซลรางนั่งปรับอากาศชั้นที่ 2 ขบวนพิเศษ โบกี้ 2516 โดยเดินทางจากสถานีรถไฟอุดรธานี ไปยังสถานีรถไฟหนองคาย กับนักธุรกิจภาคเอกชน เพื่อพูดคุยประเด็นการขนส่งสินค้าสินค้าจากประเทศไทยไปยังประเทศจีน
ระหว่างนั่งรถไฟนายกฯและคณะ ได้พูดคุยกับณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานหอการค้าไทย-จีน วรายุส์ ตรีวัฒนสุวรรณ ประธานสภาอุตสาหกรรมจังหวัดอุดรธานี และนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ถึงเส้นทางรถไฟรางคู่ ขณะนี้ระยะ 1 ถึงแค่ จ.ขอนแก่น เท่านั้น ส่วนระยะที่ 2 จะมีการเชื่อมต่อจาก จ.ขอนแก่น มายัง จ.หนองคาย เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางเศรษฐกิจและการขนส่ง ให้สามารถเชื่อมต่อจากไทยไปลาวและจีนได้ ขณะที่หอการค้าไทย-จีน และสภาอุตสาหกรรม จ.อุดรธานี ต้องการให้รัฐบาลเร่งรัดการก่อสร้างรถไฟรางคู่ให้เสร็จก่อนปี 69 จ.อุดรธานี จะเป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก ซึ่งจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางเศรษฐกิจทั้งเรื่องการค้าและการท่องเที่ยว
จากนั้นขบวนรถไฟได้หยุดแวะพักที่สถานีรถไฟนาทา จ.หนองคาย ซึ่งจะเป็นจุดที่ก่อสร้างศูนย์กระจายสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน โดยนายกฯได้ขอรายละเอียดการพัฒนาพื้นที่นาทา ที่มีแนวคิดต้องการให้เป็นจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าแบบ One stop service ที่มีหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกลับการเปลี่ยนถ่ายสินค้าจุดเดียวไม่ว่า ศุลกากร ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และสํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
ขณะที่ ปลัดกระทรวงคมนาคม ชี้แจงว่าการดำเนินการที่ผ่านมาแผนจะเป็นลักษณะเดียวกันกับที่นายกฯต้องการ ซึ่งจะต้องมีการประสานกับจุดเปลี่ยนถ่ายสินค้าประเทศเพื่อนบ้านสำหรับพื้นที่นาทาอาจจะต้องมีการเวนคืนที่ดินบริเวณโดยรอบ 193 ไร่ และอาจจะต้องใช้เงินลงทุน 5,400 ล้านบาท โดยจะต้องใช้แนวทางให้เอกชนร่วมลงทุน พร้อมทั้งมีการรายงานต่อนายกฯว่าการขนถ่ายสินค้าระหว่างไทยกับลาว ยังมีความล่าช้าเนื่องจาก เส้นทางรถไฟจุดสะพานมิตรภาพไทยลาวรับน้ำหนัก ได้น้อยจึงมีแปนที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการรับน้ำหนัก เพื่อทำให้การขนถ่ายสินค้าคล่องตัวและรวดเร็วมากขึ้น
จากนั้นเมื่อเวลา 10.50 น. ขบวนรถไฟมาถึงสถานีรถไฟหนองคาย มีประชาชนจำนวนมากรอต้อนรับอยู่ โดยได้มอบดอกกุหลาบ ผูกผ้าขาวม้า และขอถ่ายรูปกับนายกฯด้วยความคึกคัก พร้อมตะโกนด้วยว่า “นายกเศรษฐา ชาวนาจะเป็นเศรษฐี” ขณะเดียวกัน ยังมีสภาเกษตรกรจังหวัดสภาเกษตรกรหนองคายได้ยื่นหนังสือร้องเรียนกับนายกฯเพื่อขอให้แก้ไขปัญหาสิทธิทำกินและปัญหาแหล่งน้ำ