ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แถลงข่าวกรณี 44 อดีตสส.พรรคก้าวไกล ที่มี สส. พรรคประชาชน อยู่ 25 คน ถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งข้อกล่าวหาผิดจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีร่วมเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่า พรรคประชาชนยืนยันอีกครั้งว่าการทำหน้าที่ในการยื่นร่างแก้ไขกฎหมายเป็นหน้าที่ของ สส. ในการใช้อำนาจตามกระบวนการนิติบัญญัติ ซึ่งไม่ผิดกฎหมาย และไม่ควรต้องถูกร้องจริยธรรมร้ายแรง
การดำเนินการต่อจากนี้ เนื่องจาก ป.ป.ช. ให้มีกรอบระยะเวลามาประมาณ 15 วัน ซึ่งพรรคประชาชนจะใช้สิทธิในการขอขยายกรอบเวลา เนื่องจากช่วงนี้อยู่ระหว่างการเตรียมการอภิปรายไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 ของรัฐธรรมนูญ อย่างไรก็ตามจะมี สส. บางส่วนเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. ก่อนเป็นการเบื้องต้น

ณัฐพงษ์ กล่าวว่า พรรคประชาชนยืนยันว่าคดีดังกล่าวไม่ส่งผลต่อพรรคประชาชน จะยังคงเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนต่อไปได้โดยไม่เสียสมาธิ นอกจากการอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว ยังมีชุดกฎหมายต่างๆ ที่พรรคประชาชนเตรียมยื่นเสนอในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น พ.ร.บ.การแข่งขันทางการค้า, พ.ร.บ.การศึกษา, ชุดกฎหมายเพื่อแก้ปัญหาที่ดินให้ประชาชนทั่วประเทศ รวมถึงงานท้องถิ่น เช่น อบจ.ลำพูน ที่มีการเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ ตลอดจนสนามเทศบาลที่จะมีการเลือกตั้งในเดือนพฤษภาคมกลางปี 2568 และยังมีอีกหลายประเด็นที่พรรคประชาชนเดินหน้าทำงานอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องคอลเซ็นเตอร์ ปัญหาฝุ่น pm 2.5 ไฟป่า ฯลฯ ซึ่งยังจำเป็นต้องอาศัยกลไกของสภาในการแก้ไขปัญหาให้ประชาชนต่อไป
คดีนี้ไม่ใช่คดีชุดและดูตามการกระทำความผิดตามที่ ป.ป.ช. กล่าวหาเป็นรายบุคคล เราเตรียมทีมกฎหมายเพื่อแก้ข้อกล่าวหาที่ดูเป็นรายบุคคล เพื่อไม่ให้ ป.ป.ช. มัดมือ มัดรวม ทำเป็นคดีชุด เพื่อเร่งรัดกระบวนการ อยากให้ใช้มาตรฐานเดียวกับการดำเนินคดีในชั้น ป.ป.ช. อื่นๆ เพราะในอดีตการฟ้องร้องเป็นรายบุคคล ใช้เวลาไต่สวนเป็นปีๆ ก่อนที่ ป.ป.ช. จะยื่นไปยังศาลฎีกา เราก็ไม่อยากให้ ป.ป.ช. มีหลายมาตรฐาน หรือถูกเร่งรัดจนเป็นที่น่าสงสัย แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียดรายชื่อว่าในชุดใหญ่มีใครบ้าง แต่มีหลายสิบคน
— หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าว

ณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนี้คือการเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และผมก็เชื่อมั่นว่าเพื่อนสมาชิกรวมถึงเพื่อน สส.พรรคประชาชนปัจจุบันสามารถทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างเต็มที่ทั้งในและนอกสภา สิ่งที่พวกเราทำอยู่คือการไม่เสียสมาธิต่อการฟ้องร้องคดีทางการเมืองในลักษณะนี้และเดินหน้าทำงานต่อ ซึ่งสุดท้ายเสียงของประชาชนจะคนที่สนับสนุนตัดสินเราต่อไป
ทั้งนี้ ณัฐพงษ์ ยังกล่าวถึงผลของคดี หากไม่เป็นคุณจะทำอย่างไร ว่า เป็นเรื่องในอนาคตที่เราต้องดูก่อน หากเกิดกรณีเช่นนั้นจริง คิดว่าไม่น่ากระทบต่อการทำงาน ความเป็นผู้แทนราษฎรไม่ได้อยู่ในสภาเพียงอย่างเดียว เรายังเดินหน้าทำงานเพื่อประชาชนที่ไหนก็ได้ แต่ถ้าจะให้ตอบล่วงหน้าก็คงเร็วเกินไป เพราะยังไม่ได้รับทราบรายละเอียดข้อกล่าวหาของ ป.ป.ช. รวมถึงพยานหลักฐานเลย ขอดูตรงนั้นก่อน
