‘จิรวัฒน์ อรัณยกานนท์’ รองโฆษกพรรค พท. แถลงกรณีการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า การปรับ ครม.เป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เป็นกระบวนการตามระบอบประชาธิปไตยของรัฐสภาปกติที่เมื่อแต่ละพรรคการเมืองมาร่วมกันจัดตั้งรัฐบาล ก็มีสิทธิ์ที่จะเสนอชื่อรัฐมนตรี ซึ่งเชื่อเป็นอย่างยิ่งว่านายกรัฐมนตรีได้เลือกคนที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นอย่างดีแล้วผ่านประสบการณ์การทำงานในมุมมองที่หลากหลาย
จิรวัฒน์ กล่าวต่อว่า รวมถึงเชื่อมั่นว่าทุกคนที่เข้าไปทำงาน และเข้าไปมอบนโยบายของแต่ละกระทรวงจะขับเคลื่อนนโยบายของรัฐบาล นำนโยบายที่นายกรัฐมนตรีเคยแถลงไว้ต่อรัฐสภาไปขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรมให้มากที่สุด เช่น กระทรวงมหาดไทยที่วันนี้นำโดย 'ภูมิธรรม เวชยชัย' รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้นำทีมบุกจับและทะลายบ่อนกลางกรุง จับกุมนักเล่นพนันได้ซึ่งจะเห็นได้ว่ารัฐบาลเอาจริง มาถึงพร้อมที่จะทำงานปราบยาเสพติดและบ่อนการพนัน นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของคอลเซ็นเตอร์ เรื่องกัญชา ที่รัฐบาลจะเอาจริง
ขณะที่อำนาจรักษาการนายกรัฐมนตรีนั้น เรื่องการยุบสภาในส่วนนี้ต้องขอรอฟังโฆษกรัฐบาล สำหรับประเด็นที่มีการเรียกร้องให้ยุบสภานั้น พรรคขอยืนยันว่าวันนี้ไม่มีเหตุอะไรที่ต้องยุบสภา เนื่องจากขณะนี้สภามีวาระสำคัญคือร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2569 รวมถึงกฎหมายเกี่ยวกับการนิรโทษกรรม และกฎหมายที่ทางรัฐบาล พรรค พท.เสนอ ที่ต้องเร่งขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม
“มองว่าการเรียกร้องให้ยุบสภานั้น ดูเป็นการช่วงชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป โดยไม่ได้สนใจว่างบประมาณรายจ่ายประจำปี 69 อาจต้องลงไปขับเคลื่อนเศรษฐกิจอย่างไร ส่วนราชการต่างๆ ยังมีงานที่ต้องเข้าไปดูแลประชาชน อีกทั้งการเลือกตั้งต้องใช้งบประมาณกว่า 6 พันล้านบาท ฉะนั้น มีความจำเป็นอย่างไรที่ท่านออกมาชูประเด็นเรื่องการยุบสภา และวันนี้ผมเชื่อว่าประเทศชาติยังไม่ได้เสียหายอะไร รวมถึงเชื่อมั่นว่านายกรัฐมนตรีจะกลับมาเรียกความเชื่อมั่น มาฟื้นศรัทธาให้พี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน”
นอกจากนี้ยังมีแถลง กรณีข้อเสนอเรื่องนายกรัฐมนตรีชั่วคราวนั้น ว่า ปัจจุบันการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 159 คือการเลือกจากบัญชีของพรรคการเมืองที่เคยเสนอไว้ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ฉะนั้น แม้ว่าจะมีบางคนเสนอว่านายกฯ ชั่วคราว แม้จะอยู่ในบัญชีของพรรคการเมืองก็ตาม โดยมีการวางเงื่อนไขให้มีการประกาศยุบสภา ต้องเรียนว่าวิธีการดูจะเร่งร้อนและชิงความได้เปรียบทางการเมืองมากเกินไป
จิรวัฒน์ กล่าวด้วยว่า รัฐบาลยังมีเวลาอีกสองปี ยังมีเวลาที่จะนำงบประมาณไปดูแลประชาชน พัฒนาโครงการลงทุนใหญ่ๆ อีกเยอะ เชื่อว่าอีกสองปีรัฐบาลจะยืนหยัดสร้างความเชื่อมั่น แม้ว่าช่วงเวลานี้จะเป็นช่วงเวลาที่นายกฯ หยุดปฏิบัติหน้าที่เพื่อรอศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย แต่ก็เชื่อว่าศาลรัฐธรรมนูญจะวินิจฉัยในทางที่เป็นคุณต่อนายกฯ
แม้ว่า ‘ภูมิธรรม’ รองนายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย จะรักษาราชการแทนนายกฯ แต่ท่านมีอำนาจเต็มทุกประการในการบริหารคน บริหารงบประมาณต่างๆ เชื่อว่าไม่มีอะไรสะดุด สามารถเดินไปได้ตามปกติ ฉะนั้น ขอยืนยันเสถียรภาพของรัฐบาลภายใต้การนำของ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ นายกฯ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม อีกครั้งว่าท่านมีความมุ่งมั่น ตั้งใจเพื่อที่จะรับผิดชอบร่วมกันในฐานะรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรีและพรรคการเมืองต่างๆ ที่มาร่วมกันลงเรือลำเดียวกัน ที่จะต้องนำนโยบายที่เคยแถลงไว้ต่อรัฐสภานำไปสู่การปฏิบัติจริงให้ได้มากที่สุดเพื่อประโยชน์ของประชาชนคนไทย