ความเห็นเรื่องตำแหน่งประธานสภาฯ ของคนในพรรคเพื่อไทย ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นหนึ่งเดียวกันง่ายๆ หลัง ส.ส. ส่วนใหญ่ของพรรค ได้แสดงความเห็นถึงประเด็นนี้ในงานสัมมนาของพรรค ที่ โรงแรม เอสซี ปาร์ค ว่าไม่เห็นด้วยกับการยกตำแหน่งประธานสภาฯ ให้กับพรรคก้าวไกล
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาครั้งนี้มี ส.ส. ลุกขึ้นแสดงความเห็นในหลายประเด็นกว่า 10 คน และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของ ส.ส. 141 คนของพรรค เห็นตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ โดยมองว่าพรรคเพื่อไทย มีเสียงน้อยกว่าพรรคก้าวไกลแค่ 10 เสียงเท่านั้น ดังนั้นจึงควรแบ่งตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเป็นคนละพรรค เพื่อถ่วงดุลอำนาจในการทำงาน
ส.ส. กลุ่มนี้ ยังเห็นว่าแม้สังคมจะอ้างถึงกระแสของแฟนคลับของพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทยต้องไม่ลืมเสียงของแฟนคลับพรรค ที่มีกว่า 10 ล้านเสียงเช่นกัน เพราะเมื่อเขาเลือกเรามาแล้ว คงหวังให้เราได้ทำงาน พร้อมมองว่าหลังไปเจรจามาแล้วก่อนจะให้ข่าวอะไรควรแจ้งให้ ส.ส. รับทราบก่อน
อีกประเด็นที่ ส.ส. ของพรรคได้สะท้อนปัญหา คือ เรื่องการถอดบทเรียนการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงเพียง 141 เสียง ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะเเลนด์สไลด์ 310 เสียง ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการรณรงค์หาเสียงที่ผิดพลาด แบ่งทีมปราศรัยน้อยเกินไป ไม่มีทีมปราศรัยไปช่วยอดีตผู้สมัคร ส.ส. มากเท่าที่ควร และพื้นที่ที่ความนิยมตามหลังคู่แข่ง กลับไม่มีการส่งทีมปราศรัยไปช่วย อีกทั้งมองว่าผลสำรวจความนิยมก่อนลงคะแนนเสียงของพรรคไม่มีความแม่นยำ ทำให้การประเมินสถานการณ์ในการเลือกตั้งผิดพลาด
สำหรับการเปิดเวทีให้ ส.ส. ได้แสดงความคิดเห็นในวันนี้ พบว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่างานสัมมนาวันนี้ ไม่พบการปรากฎตัวของ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ทั้งที่มีรายชื่อเป็นผู้บรรยายกิจกรรมในช่วงบ่าย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ‘พรรคพลังประชารัฐ’ เตรียมเสนอชื่อ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ลงชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ขณะที่คนใกล้ชิด ชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า ‘สุชาติ’ เพิ่งไปผ่าฟันคุดมา
โดยผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในงานสัมมนาครั้งนี้มี ส.ส. ลุกขึ้นแสดงความเห็นในหลายประเด็นกว่า 10 คน และกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ของ ส.ส. 141 คนของพรรค เห็นตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยควรได้ตำแหน่งประธานสภาฯ โดยมองว่าพรรคเพื่อไทย มีเสียงน้อยกว่าพรรคก้าวไกลแค่ 10 เสียงเท่านั้น ดังนั้นจึงควรแบ่งตำแหน่งประมุขฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติ ต้องเป็นคนละพรรค เพื่อถ่วงดุลอำนาจในการทำงาน
ส.ส. กลุ่มนี้ ยังเห็นว่าแม้สังคมจะอ้างถึงกระแสของแฟนคลับของพรรคก้าวไกล แต่พรรคเพื่อไทยต้องไม่ลืมเสียงของแฟนคลับพรรค ที่มีกว่า 10 ล้านเสียงเช่นกัน เพราะเมื่อเขาเลือกเรามาแล้ว คงหวังให้เราได้ทำงาน พร้อมมองว่าหลังไปเจรจามาแล้วก่อนจะให้ข่าวอะไรควรแจ้งให้ ส.ส. รับทราบก่อน
อีกประเด็นที่ ส.ส. ของพรรคได้สะท้อนปัญหา คือ เรื่องการถอดบทเรียนการเลือกตั้ง ที่พรรคเพื่อไทยได้เสียงเพียง 141 เสียง ต่ำกว่าเป้าที่ตั้งไว้ว่าจะเเลนด์สไลด์ 310 เสียง ว่า ส่วนหนึ่งมาจากการรณรงค์หาเสียงที่ผิดพลาด แบ่งทีมปราศรัยน้อยเกินไป ไม่มีทีมปราศรัยไปช่วยอดีตผู้สมัคร ส.ส. มากเท่าที่ควร และพื้นที่ที่ความนิยมตามหลังคู่แข่ง กลับไม่มีการส่งทีมปราศรัยไปช่วย อีกทั้งมองว่าผลสำรวจความนิยมก่อนลงคะแนนเสียงของพรรคไม่มีความแม่นยำ ทำให้การประเมินสถานการณ์ในการเลือกตั้งผิดพลาด
สำหรับการเปิดเวทีให้ ส.ส. ได้แสดงความคิดเห็นในวันนี้ พบว่าพรรคเพื่อไทยยังไม่ได้มีข้อสรุปออกมา โดยเฉพาะประเด็นตำแหน่งประธานสภาฯ
นอกจากนี้ยังเป็นที่น่าสังเกตว่างานสัมมนาวันนี้ ไม่พบการปรากฎตัวของ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรค ทั้งที่มีรายชื่อเป็นผู้บรรยายกิจกรรมในช่วงบ่าย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า ‘พรรคพลังประชารัฐ’ เตรียมเสนอชื่อ ‘สุชาติ ตันเจริญ’ ลงชิงตำแหน่งประธานสภาฯ ขณะที่คนใกล้ชิด ชี้แจงเพียงสั้นๆ ว่า ‘สุชาติ’ เพิ่งไปผ่าฟันคุดมา
