













‘พรรคเพื่อไทย’ จัดงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ นับตั้งแต่ที่รัฐบาลที่นำโดย ‘เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี’ เข้ารับตำแหน่งและเริ่มบริหารราชการแผ่นดิน จากวันที่ 1 กันยายน 2567 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาเกือบ 9 เดือน และกำลังเดินหน้าสู่เดือนที่ 10 ที่พรรคเพื่อไทยในฐานะแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล
สำหรับวันนี้ ‘นายกรัฐมนตรี’ ได้ลาราชการครึ่งวัน เพื่อเข้าร่วมงานและแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ ‘4 ปีรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ เติมประเทศไทยให้เต็ม 10’
ขณะที่ ‘แพทองธาร ชินวัตร’ หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เป็นคนแรกในการแสดงวิสัยทัศน์ ในหัวข้อ ‘เติมเพื่อไทยให้เต็ม 10 สนับสนุนรัฐบาลเปลี่ยนประเทศ’ ว่า วันนี้ในนามหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเราตัดสินใจถูกต้องมากๆ ที่เราได้จัดตั้งรัฐบาลผสมขึ้นเมื่อ 10 เดือนที่แล้ว เพราะปัญหาที่มีอยู่มากมาย และหลังจากที่เราได้เข้ามาเป็นรัฐบาลก็ได้เห็นปัญหาที่สะสมมายาวนาน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นตั้งแต่การปฏิวัติรัฐประหารถึง 2 ครั้ง ใช้เวลาเกือบสองทศวรรษด้วยกันและรวมไปถึงปัญหาระบบราชการที่ใหญ่โตเกินไปทำให้อึดอัดในการทำงาน ไม่พร้อมสำหรับการปรับตัวในยุคปัจจุบัน
และอีกเรื่องคือ ‘ภัยคุกคาม’ ที่พัฒนาไปรวดเร็วมาก ขณะเดียวกัน เยาวชนก็มีปัญหาเรื่องยาเสพติดถูกมอมเมาในรูปแบบต่างๆ ทำให้ประชาชนของชาติอ่อนแอ โอกาสการทำมาหากินของพี่น้องพี่น้องประชาชนมีไม่มาก ที่สำคัญเศรษฐกิจใต้ดิน ก่อนที่เราจะเข้ามาเป็นรัฐบาลเป็นสิ่งที่มีมากที่สุดในประวัติประวัติ พรรคเพื่อไทยเป็นผู้ที่มีประสบการณ์ในการบริหารอย่างยาวนาน ทุกคนทราบดีอยู่แล้วว่า เราเป็นพรรคที่บริหารงานได้สำเร็จและผลักดันทุกนโยบายให้สำเร็จตามที่เคยได้พูดไว้มากที่สุดของประเทศไทย
แพทองธาร กล่าวว่า หากเราไม่เลือกที่จะจัดตั้งรัฐบาลผสมและเป็นแกนนำรัฐบาล คงไม่มีโอกาสเริ่มแก้ปัญหาต่างๆที่สะสมมานาน
“ตอนนี้กฎหมายพยายามที่จะให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเป็นอิสระจากรัฐบาล เรื่องนี้ถือว่าเป็นปัญหาและอุปสรรคสำคัญมากๆ ในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ เพราะนโยบายทางด้านการคลังถูกใช้งานเพียงด้านเดียวมาโดยตลอด และทำให้ประเทศของเรามีหนี้ที่สูงมากขึ้น และก็สูงเพิ่มมากขึ้นทุกปีจากการตั้งงบประมาณที่ขาดดุล ถ้านโยบายการเงินที่บริหาร โดยธนาคารแห่งประเทศไทยไม่ยอมที่จะเข้าใจและไม่ยอมให้ความร่วมมือ ประเทศของเราจะไม่มีทางลดเพดานหนี้ได้เลย”
แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร กล่าวอีกว่า 10 เดือนที่ผ่านมาภายใต้การนำของเศรษฐา เราได้วิเคราะห์ถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นและได้เห็นว่า เป็นปัญหาที่ซับซ้อนและยาวนานจะต้องใช้ความรู้ความเข้าใจจากทุกภาคส่วนในการแก้ปัญหาให้ดีขึ้น อย่างที่บอกว่า เราเสียเวลาไปแล้วเกือบสองทศวรรษ ตอนนี้เราเข้าใจดีว่าปัญหาทุกอย่างไม่ได้ง่าย แต่เรามั่นใจว่า เราจะทำอย่างเต็มที่และมั่นใจว่า เราจะทำให้เต็ม 10 ได้อย่างแน่นอน
“สำหรับนโยบายด้านเศรษฐกิจ เราจะต้องเริ่มต้นด้วยการเติมเงินเข้าสู่ระบบ นั่นก็คือ นโยบายดิจิทัลวอลเล็ต เพราะเงินถูกดูดออกจากระบบมาก มากจนเป็นเหตุหนึ่งที่สำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจของเราโตต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของประเทศในอาเซียน และตอนนี้ เราได้เพิ่มค่าแรงเป็น 400 บาทแล้ว ซึ่งการเพิ่มค่าแรงจะทำให้ทุกฝ่ายได้ปรับตัว และอยากให้ทุกฝ่ายได้จำไว้ว่า การเพิ่มค่าแรงไม่ทำให้ธุรกิจเจ๊ง แต่จะเพิ่มผลผลิตจากความพอกินของพนักงาน เราจึงจะผลักดันในทุกมิติของเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเติมเงินดิจิทัลวอลเล็ต การเพิ่มค่าแรง รวมถึงการเพิ่มเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ”
แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร กล่าวว่า เรากำลังจะค่อยๆ เปลี่ยนจากรัฐบาลที่อุ้ยอ้าย ตรวจสอบยาก เปลี่ยนเป็นรัฐบาลดิจิตอลที่ตรวจสอบได้ รวดเร็วทันต่อการรับมือเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างทันท่วงที และในเร็วๆ นี้ เราจะเริ่มมีการปรับโครงสร้างกระทรวง ทบวง กรม และจะมีการแก้กฎหมายทางเศรษฐกิจอีกหลายฉบับ เพื่อให้ประเทศไทยของเรากลับมาเป็นศูนย์กลางการบินและการเงินของอาเซียนให้ได้ ตอนนี้เราเข้าใจถึงปัญหาต่างๆ มากมาย ส่วนปัญหาเรื่องของความมั่นคงและต่างประเทศเราไม่ได้ละเลย เรามีความตั้งใจว่า ต่อไปเราจะผูกมิตรกับทุกมหาอำนาจและให้ประเทศไทยเปิดเป็นพื้นที่ของการเจรจาเพื่อความสันติ ขณะที่ปัญหาของเมียนมาเองที่ทางรัฐบาลก็รับทราบมาตลอด เราไม่ได้ละเลย เราจะช่วยสร้างความปรองดอง ควบคู่กับเรื่องของมนุษยธรรม เราทำตามนโยบายที่เราเคยวางไว้ตามที่บอกกับประชาชนและสุดท้ายเมื่อรัฐบาลได้อยู่ครบ 4 ปี เรามั่นใจว่า พี่น้องจะให้คะแนนเราเต็ม 10 แน่นอน
แพทองธาร กล่าวว่า ทุกอย่างตอนนี้ ฟันเฟืองทุกชิ้นกำลังขับเคลื่อนไปข้างหน้าเพื่อปลายทางของชีวิตพี่น้องประชาชนที่ดีขึ้น ตอนนี้ภาพของพรรคเพื่อไทยที่มองเห็นคือ พรรคเพื่อไทยจะต้องก้าวต่อไปข้างหน้าด้วยความเข้มแข็ง แข็งแรง และมีประสิทธิภาพ เราเป็นพรรคที่มีนโยบายที่ดีมีศักยภาพ มี สส.ที่เข้าใจปัญหาพี่น้องประชาชน มีรัฐมนตรีที่เก่ง มีนโยบายที่ตอบโจทย์เป็นรัฐบาลที่แข็งแรง เมื่ออนาคตจะเปลี่ยนไปอย่างไร จะเจอเหตุการณ์อะไรก็ตามที่เกิดขึ้นในอนาคต เราจะสามารถทำนโยบายให้สำเร็จได้ และตอนนี้เรามีทีมงานใหม่ที่เกิดขึ้นในพรรคเพื่อไทยคือ PTP Academy จะเป็นหน่วยงานที่สร้างอนาคตให้กับบุคลากรของพรรคเพื่อไทยของเรา และจะทำให้ Academy นี้ พัฒนาศักยภาพบุคคลของพรรค ซึ่งตนเองถือว่า เป็นหนึ่งในนักเรียนรุ่นแรกเพราะอยากเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ในแง่ของการเมือง กฎหมาย ทำให้ตัวเองมีคุณภาพ มีความรู้ที่เพิ่มมากขึ้น เราอยากให้คนในพรรคเป็นแบบนั้นด้วยเช่นกัน และต่อจากนี้การนำองค์ความรู้ จะทำให้เราเป็นพรรคการเมืองที่มีประสิทธิภาพ มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนตัวเข้าใจว่า การอยู่ตรงนี้ในนามพรรคเพื่อไทย เรามีความคาดหวังสูงจากประชาชน เพราะเราเป็นพรรคที่ทำงานได้สำเร็จ ส่วนตัวอยากให้ทุกคนมีความมั่นใจในตนเองเพราะเมื่อประชาชนคาดหวังเราจะรู้ว่าเราจะตอบโจทย์ความคาดหวังของประชาชนได้อย่างไร
“แน่นอน พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคใหญ่อยู่มานานเจอเรื่องราวต่างๆ มามากมาย ทั้งเรื่องดีและเรื่องร้าย ซึ่งเราก็ผ่านมาด้วยกันได้ และการที่คู่แข่งของเรา จะสร้างวาทกรรมต่างๆ ทำให้เราดูเป็นคนล้มเหลว ทำงานไม่เป็น หรือสร้างวาทะกรรมต่างๆ ให้เรารู้สึกว่า เหมือนเราผิดคำสัญญาต่อพี่น้องประชาชน ทำนโยบายไม่ได้ เรื่องนั้นเป็นเรื่องที่เราจะต้องพิสูจน์ใช้เวลา ใช้ผลงาน และใช้หัวใจที่ทุ่มเทของเราพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนเห็น”
แพทองธาร กล่าว
แพทองธาร กล่าวต่อว่า หากยังจำกันได้ นโยบาย 30 บาทรักษาทุกโรคก็มีวาทะกรรม 30 บาทตายทุกโรค วันนี้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า นโยบายนี้ก็ยังอยู่คู่กับพี่น้องคนไทย ยืนยัน เราจะไม่อยู่ในเกมการเมืองเหล่านั้น เราจะใช้อำนาจหน้าที่ความรับผิดชอบที่มีเป็นเครื่องพิสูจน์ให้เห็น เราทราบดีว่า งานการเมืองเป็นงานที่ Thankless และ Endless ต้องใช้ความทุ่มเททั้งแรงกายและแรงใจเต็มที่ เราจะผลักดันให้ประเทศของเราดีขึ้น มีพรรคเพื่อไทยที่ดีขึ้น มีพรรครัฐบาลที่เข้มแข็งขึ้น ประเทศพัฒนาขึ้น พี่น้องคนไทย มีชีวิตที่ดีขึ้น
ด้าน ‘เศรษฐา’ ประกาศเร่งดำเนินนโยบาย เพื่อปลายทางให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น แต่ระหว่างทางก็จะต้องวางแผนเพื่อพิชิตเป้าหมายด้วยเช่นกัน พร้อมยอมรับว่า แต่ละช่วงเวลาก็มีคนเสียใจ ถูกใจ ดีใจ เชื่อว่า ทุกคนมีความเชื่อมั่น เข้าใจซึ่งกันและกัน เห็นใจเขาเห็นใจเรา ถนนที่เดินไปข้างหน้าก็จะสะดวกขึ้น ซึ่งการทำงานในวันข้างหน้า การพูดคุยการประสานงานจะทำให้มีเหตุผล จึงอยากให้โฟกัสกับสิ่งที่พอใจกับคนภายในพรรค โดยเชื่อว่า หัวหน้าพรรคและบุคลากรภายในพรรค เห็นความตั้งใจของทุกคน พร้อมย้ำว่า ส่วนตัวไม่ได้มาเพื่อตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่ต้องการยกระดับชีวิตของประชาชน จึงเป็นหน้าที่ของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นคนรุ่นใหม่ รุ่นเก่า หรือตำแหน่งใดๆ อยากให้ยึดผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนเป็นหลัก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงาน ‘10 เดือนที่ไม่รอ ทำต่อให้เต็ม 10’ ของพรรคเพื่อไทย ‘สรวงศ์ เทียนทอง’ สส.สระแก้ว และเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ยังได้ประกาศความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) ซึ่งจะหมดวาระลงในช่วงปลายปีนี้ โดยเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครนายก อบจ.ในนามพรรคเพื่อไทยบางส่วน
นอกจากนี้ ยังมีการแสดงของคณะหมอลำคณะรัตนศิลป์อินตาไทยราษฎร์ ร่วมขับร้องเพลงหมอลำ ที่รวบรวมนโยบายของพรรคเพื่อไทยได้อย่างไพเราะสนุกสนาน โดยหมอลำคณะนี้เปรียบเสมือนโรงเรียนสอนหมอลำที่ถ่ายทอดการแสดงศิลปะอีสานให้กับเยาวชนคนรุ่นใหม่ จนได้รับการแต่งตั้งเป็นศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมหมอลำอีสาน ประจำ จ.ขอนแก่น จากศูนย์วัฒนธรรม จ.ขอนแก่น สำหรับเพลงหมอลำที่คณะรัตนศิลป์อินตาไทยราษฎร์ คือ เพลง ‘เพื่อไทย ไว้ใจ ได้ใจ’
โดยบรรยากาศงานครั้งนี้ ไร้เงารัฐมนตรีที่หลุดจากเก้าอี้มาร่วมงาน อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว , พวงเพ็ชร ชุนละเอียด และไชยา พรหมา