สมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ฝ่ายการเมือง กล่าวถึงกรณีพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต อาจารย์คณะพัฒนาสังคมและสิ่งแวดล้อม สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) ออกมาระบุพรรคเพื่อไทย เคยทำเอ็มโอยูกับพรรคก้าวไกลก่อนตั้งรัฐบาลเรื่องปฏิรูปกองทัพ แต่พอเปลี่ยนขั้วตั้งรัฐบาล กลับไม่คิดจะผลักดันเรื่องที่เคยคุยกับพรรคก้าวไกลไว้ว่า หลายเรื่องที่เราเคยคุยกับพรรคก้าวไกลเราก็ดำเนินการอยู่ แต่เรื่องการยุบกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) พรรคเพื่อไทยไม่เคยพูดว่า จะยุบและขณะนี้ได้มีการปรับปรุงกฎหมาย กอ.รมน.ให้ภาคส่วนต่างๆ เข้ามาทำหน้าที่แทนทหารมากขึ้น
สมคิด กล่าวว่า ส่วนที่พิชายระบุว่าพรรคเพื่อไทยไม่พูดเรื่องนิรโทษกรรม ทั้งที่เป็นแกนนำรัฐบาลนั้น ขอชี้แจงว่า สัปดาห์ก่อน ส่วนตัวได้ประชุมกับมูลนิธิสันติภาพและวัฒนธรรม มูลนิธิผสานวัฒนธรรม และศูนย์ความร่วมมือทรัพยากรสันติภาพ มีการเชิญตัวแทนพรรคการเมืองต่างๆ เข้าร่วม ไม่ว่าจะพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย มีการถามว่าจะทำอย่างไรเกี่ยวกับกฎหมายนิรโทษ จึงชี้แจงว่าพรรคเพื่อไทยมีบาดแผลเรื่องดังกล่าวอยู่ ขณะนี้เพิ่งจะตกสะเก็ด เลยออกหน้าไม่ได้ อย่าให้เป็นคนเริ่มต้น เพราะเริ่มไปแล้วไม่รู้ฝ่ายอื่นจะว่าอย่างไร จึงขอให้ทุกคนไปพูดคุยกันกับวิปรัฐบาล ส่วนตัวพร้อมเป็นสะพานให้ และให้ฟังความเห็นจากทุกพรรคในภาพรวม อย่าเพิ่งลงรายละเอียด เพราะตอนนี้แค่เริ่ม ก็มีคนบอกว่า ไม่เอาเรื่องมาตรา 112 ขึ้นมาแล้ว จึงอยากให้ไปคุยก่อน พรรคเพื่อไทยพร้อมช่วยเหลือ แต่ไม่ขอเริ่มต้นให้ ถ้าเราเริ่มไปแล้ว มีคนไม่เอาก็จะมารุมด่าเรา ส่วนตัวขอยืนยันว่า เรื่องอะไรที่เราตกลงไว้กับพรรคก้าวไกล กฎหมายไหนที่เห็นตรงกัน ก็พร้อมช่วยผลักดัน เช่น การแก้ไข พ.ร.บ.แพ่งและพาณิชย์ ว่าด้วยเรื่องสมรสเท่าเทียม เราก็ช่วยกันทำ
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า เห็นร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกลแล้วหรือไม่ สมคิด กล่าวว่า เห็นร่างกฎหมายของพรรคก้าวไกลและภาคประชาชนแล้วบางส่วน มีทั้งจุดดีและจุดด้อย ถ้าเอาทุกเรื่องเข้ามาคนอื่นไม่เห็นด้วยจะทำอย่างไร จึงไม่อยากให้ลงรายละเอียด แต่ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรม
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยมีท่าทีอย่างไรกับเรื่องดังกล่าว สมคิด กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยยังไม่ได้พูดเรื่องนี้ รอฟังพรรคอื่น แต่รับรองว่า ไม่ได้ขัดขวาง เมื่อถามย้ำว่า ส่วนตัวเห็นด้วยกับการนิรโทษกรรมคดีมาตรา 112 หรือไม่ สมคิด กล่าวว่า โดยส่วนตัวเห็นด้วย เพราะเรานิรโทษเฉพาะเรื่อง เช่น กรณีปี 63-64 ที่มีการประท้วง มันก็จำกัดกรอบอยู่ไม่กี่คน เด็กๆ ลูกหลานทั้งนั้น อาจจะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อาจจะคิดว่าตัวเองถูก ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ผ่านไปแล้ว อย่าเอาเรื่องอื่นมาพัวพัน ส่วนตัวบอกให้ไปคุยรายละเอียดดู เราไม่อยากให้สังคมนี้ไปสร้างบาดแผลให้กับเด็ก อย่างที่ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ระบุว่า ไม่อยากทำกฎหมายนิรโทษกรรมโดยที่ไปสร้างความแตกแยกใหม่ ตรงนี้คือ สิ่งที่พรรคเพื่อไทยต้องระมัดระวัง
เมื่อถามว่า ชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ระบุว่า กฎหมายฉบับนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความปรองดองในประเทศ สมคิด กล่าวว่า ถ้าคุยกันได้ ก็ดี อยากให้มาคุยที่วิปรัฐบาล มาคุยกันทั้งหมดในสภา ส่วนตัวยืนยันกับพรรคก้าวไกลไปแล้วว่า ยินดีจะเป็นสะพานให้ไม่ว่าจะเป็นในสภาและประชาชน
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ออกมาระบุว่ากฎหมายนิรโทษกรรมของพรรคก้าวไกล ให้ความเป็นธรรมกับทุกคน เพราะหลายคนไม่ได้รับสิทธิพิเศษเหมือนคนชั้น 14 สมคิด กล่าวว่า ไม่ได้พิเศษอะไร ทุกอย่างเป็นไปตามกติกาและกระบวนการ รวมถึงเรื่องการลดโทษ ไม่ได้ใช้อภิสิทธิ์อะไรเลย เป็นไปตามกติกาของกรมราชทัณฑ์ ทุกคนได้เหมือนกัน ไม่แตกต่างกัน และจริงๆ ไม่ควรหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูดถึง คนที่พูดนั้นพูดเพราะอะไร ขอร้องคนที่พูดแบบนี้ ถ้าจะทำเรื่องนิรโทษกรรม เอาพวกไว้เยอะๆ มันถึงจะสำเร็จ อย่าถูกต้องคนเดียว เราอยู่ฝ่ายค้านด้วยกันมาก่อน บางเรื่องถ้าได้ประโยชน์ทุกฝ่ายก็ช่วยกัน ไม่ต้องทำพูดทำนองสร้างเกลียดชัง ทะเลาะเบาะแว้ง
สมคิด ยังกล่าวถึงกรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติโยก พ.ต.ต.สุริยา สิงหกมล จากอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไปเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม จนถูกโยงว่าเกี่ยวข้องกับการปราบปรามหมูเถื่อนในช่วงที่ผ่านมาว่า ส่วนตัวไม่ทราบสาเหตุของการโยกย้าย แต่เรื่องหมูเถื่อนไม่ได้เกิดเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นปัญหามา 2 ปีแล้ว ตำรวจก็จับ เราพอเข้าใจรายละเอียดปัญหานี้ อย่างไรก็ตาม ในช่วงต้นปี หมูของเกษตรกรจะออกมา ทำให้ราคาขยับขึ้นนิดหน่อย เชื่อว่าประชาชนจะพออยู่ได้
เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า สังคมวิพากษ์วิจารณ์ว่าการโยกย้ายครั้งนี้ มีผลสืบเนื่องจากผู้ประกอบการรายใหญ่ สมคิด กล่าวว่า ส่วนตัวมองว่าไม่น่าใช่ ปัญหาหมูเถื่อนมันเกิดนานแล้ว และดีเอสไอรู้หมดว่าใครเกี่ยวข้อง และส่วนตัวทราบมาว่า ผู้ที่จะถูกดำเนินคดีส่วนใหญ่เป็นรายเล็กทั้งนั้น ไม่เกี่ยวกับผู้ประกอบการรายใหญ่ รวมถึงวันนี้สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) กำลังตรวจสอบเส้นทางการเงินอยู่ มันมีรายละเอียดพอสมควรและองค์ประกอบหลายเรื่อง ส่วนที่พรรคก้าวไกลออกมาไล่บี้เรื่องโยกย้ายอธิบดีดีเอสไอนั้น ก็ไม่แปลก แต่ส่วนตัวเชื่อว่านายกรัฐมนตรี รวมถึง รมว.ยุติธรรม สามารถชี้แจงได้
