เต็มไปด้วยความดุเด็ดเผ็ดมันส์ต่อเนื่องสำหรับ ศึกการประชุมวุฒิสภา (สว.) พิจารณาญัตติด่วน ขอเปิดอภิปรายทั่วไปในวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) แถลงข้อเท็จจริงหรือชี้แจงปัญหาสำคัญเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่มีการลงมติ ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153
โดยในช่วงการอภิปรายของ นพ.พลเดช ปิ่นประทีป สมาชิกวุฒิสภา เจ้าตัวบอกว่า วุฒิสภาได้ยกมือโหวตรับรองให้ เศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยหวังว่าประเทศจะได้มีรัฐบาลที่ไม่สุดโต่งหรือสุดขั้ว และให้สังคมไทยก้าวพ้นวังวนกลุ่มผู้ชุมนุมการเมืองที่กัดเซาะบ่อนทำลายการพัฒนา จึงติดตามการทำงานของรัฐบาลทุกกระทรวง แต่เห็นว่า การบริหารราชการผ่านมา 7 เดือน ยังไม่สามารถหาผลงานได้
เพียงแต่เต้นแร้งเต้นกา จำอวดหน้าจอทีวี ขายฝันลมๆ แล้งๆ ไปวันๆ
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป
ทั้งนี้ ได้รับเรื่องร้องเรียนจากจากประชาชนเกี่ยวกับปัญหายางพารา และเมื่อลงพื้นที่ได้พบว่า ทีมเฉพาะกิจพญานาคฆราช ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ มีการอายัดยางของชาวบ้านใน อ.สังขละบุรี จ.กาญจนบุรี 600 ตัน ด้วยสงสัยเรื่องที่มายาง 29 ตัน แต่รัฐกลับอายัดทั้งหมด มูลค่ากว่า 15 ล้านบาท และ 1 เดือนผ่านไป ไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหา ชาวบ้านสามารถชี้แจงได้ แต่รัฐบาลไม่ได้ถอนอายัด ทำให้ยางเกิดความเสียหาย สภาพกลายเป็นเศษผงฝุ่น
นอกจากนี้ ยังพบว่ามีทีมงานที่มีคำขวัญว่า ‘เจอ จ่าย จบ ไม่จ่าย เป็นเจ็บ’ ซึ่งชาวบ้านเรียกทีมงานชุดนี้ว่าชุดสัมภเวสี และยังมีกลุ่มอิทธิพลแจ้งความกับเกษตรกรซ้ำ เป็นคนมาจาก อ.อ่าวลึก จ.กระบี่ ข้อหานำยางเข้าจากประเทศเพื่อนบ้านโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งนี่คือสัญญาณบีบคั้น กลั่นแกล้ง ล่าอาณานิคม และเป็นการตีเมืองขึ้นหรือไม่
ในวันที่มีการร้องทุกข์ต่อ สว. ทีมงานชุดสัมภเวสีได้เชิญผู้ประกอบการไปคุย และเรียกรับกล้วย 1 กิโลฯ เป็นเครื่องเซ่น ให้เหตุผลว่า เพื่ออำนวยความสะดวกในการถอนอายัด และเจ้าทุกข์จะขอต่อรอง เหลือ 7 ขีด ก็ไม่ยอม เพราะหยิ่งในศักดิ์ศรี
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป
นพ.พลเดช ยังกล่าวถึงกระแสข่าวมาเฟียหน้าด่าน จัดคิววันละ 30 คัน มีกระแสข่าว ชุดเฉพาะกิจพญานาคฆราช ตั้งด่านเพื่อจัดระเบียบการขนส่งสินค้า ยางพาราประเภทข้ามแดน แฝงด้วยการใช้อำนาจอิทธิพลจัดการคู่แข่งทางธุรกิจของพวกพ้อง กลุ่มที่ยอมจ่าย ‘ค่ากล้วย’ เป็นที่เรียบร้อย ถึงจะผ่านได้ หากเป็นรถพ่วงที่ไม่ใช่ของ ‘เสี่ย น.’ หรือ ‘เสี่ย ส.’ ก็อย่าหวังว่าจะได้ผ่าน ส่วนเล็กๆ น้อยๆ ต้องยอมจ่ายค่าผ่านทางเป็นครั้งๆ
นอกจากนี้ ในช่วงเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา มีการจัดคิวใหม่ เพราะราคาค่าผ่านทางปรับจาก 1,000 บาท เป็น 5,000 บาท และต้องจ่ายเพิ่มพิเศษแยกบัญชีอีก 1,000 บาท เพื่อส่งมอบให้ เสธ.คนหนึ่ง มีข้อมูลว่า คนใกล้ชิดของนักการเมืองไปสร้างโรงงานเพื่อผลิตผลในประเทศเพื่อนบ้าน ทางรัฐมนตรีรับทราบเรื่องนี้หรือไม่
โดยเฉพาะมีการไปตั้งด่านหน้าโรงงานฐิติพงศ์การยาง ซึ่งเป็นเจ้าทุกข์ และมีคำขู่ว่า “ไม่จ่ายก็ทำธุรกิจไม่ได้ หากนำเรื่องไปฟ้อง อย่าหวังว่าจะอยู่ในพื้นที่ได้” นี่คือโทษฐานที่ไม่ยอมมอบกล้วย
ด้วยพฤติกรรมและพยานหลักฐาน ที่ปรากฏส่อชัดถึงการใช้อำนาจแต่งตั้งทีมงานนักการเมือง เข้าไปจัดสรรผลประโยชน์สินค้าเกษตรในพื้นที่ กรณีอำเภอสังขละบุรี เป็นเพียงตัวอย่างเดียวในจำนวนนับ 10 นับ 100 ตัวอย่าง ต่างคนต่างเข้าไปปล้นสะดม รีดไถชาวบ้านกันตามใจชอบ ราวกับบ้านเมืองไม่มีขื่อไม่มีแป ซ้ำเติมความทุกข์ยากแก่ประชาชนที่ทำมาหากินโดยสุจริต เพราะที่นี่เป็นยางพารา ไม่ใช่ก้อนถ่านผงฝุ่นธุลีดิน จึงขอฝากไปยังนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง และหัวหน้าพรรคการเมืองที่รับผิดชอบ รวมทั้งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในสากลโลก ขอจงบำบัดปัดเป่าความทุกข์ยากเดือดร้อนของประชาชนและชาติบ้านเมืองของเราด้วยเทอญ เพราะที่นี่คือยางพารา ไม่ใช่แป้ง
นพ.พลเดช ปิ่นประทีป