









22 พ.ค. 66 บรรยากาศการประชุมที่รวมไทยสร้างชาติ มีหลากหลายอารมณ์ เพราะเป็นวันประชุมใหญ่นัดแรกหลักเลือกตั้งใหญ่ผ่านพ้นไป วันนี้จึงเต็มไปด้วยสีสันต์ เริ่มที่ท่าทีของ ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ในฐานะประธานคณะกรรมการกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์พรรค ที่ก่อนการประชุมถูกสื่อมวลชนถามไถ่ ในหลายประเด็นแต่เจ้าตัวพยายามเลี่ยงตอบคำถาม
กระทั่ง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าในฐานะ ที่ตั้ง ส.ว. มาจะบอกอะไรเกี่ยวกับท่าทีในการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ว่า “ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมายที่จะว่ากันไป จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะ คำถามบางคำถามไม่ควรจะมาถามผม”
เมื่อถามย้ำว่าจะให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ ได้อย่างอิสระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จำไว้นะผม ไม่ได้มีคำตอบอะไรทั้งสิ้นกับคำถามที่ถามกันมาในวันนี้”
ทั้งนี้ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์จะเดินขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 5 ของพรรคฯ มีแฟนคลับมาสวมกอดและให้กำลังใจ พร้อมกับร้องไห้ และระบุว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ อดทนอย่าท้อ ขณะที่พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าไปอ่านโซเชียลฯมาก อาจจะทำให้ไม่สบายใจ”
ขณะที่ ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ์’ เลขาธิการพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้สมัครทั้ง 36 คน จะมาพูดคุยเพื่อถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาคิดว่าคง ยังไม่มีการกำหนดแนวทางอะไร ยังยืนยันในแนวทางของพรรค วันนี้ก็รู้สึกขอบคุณ เพราะจากที่ตั้งพรรคมาและผ่านการเลือกตั้งครั้งแรก เราได้รับคะแนนเสียงเกือบ 5 ล้านเสียงทั่วประเทศ เราก็จะย้ำให้ทุกคนขยันและตั้งใจทำงาน ตามแนวทางที่เรากำหนดไว้ก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรค จะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานต่อไป โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังคงอยู่กับพรรคต่อไปหรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กับพรรคเป็นสมาชิกและประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
ส่วนเรื่องการทำงานของพรรค ก็คงจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามจังหวะเวลาอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว จะเห็นว่าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำงานก็คงจะเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องมีการสื่อสารที่แม่นยำ ชัดเจน และเป็นระบบมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ ทั้งผู้บริหารและ ส.ส.ของพรรค จะร่วมกันออกแบบหรือวางแผนว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังคงเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า ยังเป็นคนเดิม ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเรา 2 คน ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เรียกว่าเสื่อผืนหมอนใบ ออกมาตั้งพรรค รทสช.ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย และทํามาได้จนถึงขนาดนี้ ก็ต้องถือว่าทุกที่นั่ง ทุกคะแนนเสียง สำหรับพรรคที่เกิดใหม่เริ่มจากศูนย์ถือว่าเป็นความสำเร็จของพรรค และการเลือกตั้งครั้งแรก คะแนนเสียง 4 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นเสียง ก็ต้องคิดว่าคะแนนเหล่านี้เป็นต้นทุนที่เราจะต้องนำไปพัฒนาต่อยอด จุดยืนแนวทางการทํางานไม่เปลี่ยน อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม และคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในเร็ววันนี้ เพราะเพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งมาไม่นาน หัวหน้าพรรคกับตนยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า ตามข้อบังคับของพรรค มีข้อกำหนดวาระของกรรมการบริหารพรรคไว้หรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้ แต่กรรมการบริหารชุดนี้เพิ่งเข้ามาทํางานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 มีเวลาทำงาน 7-8 เดือนก่อนเลือกตั้ง
กระทั่ง ผู้สื่อข่าวสอบถามว่าในฐานะ ที่ตั้ง ส.ว. มาจะบอกอะไรเกี่ยวกับท่าทีในการโหวตเลือกนายกฯ หรือไม่ว่า “ไม่ใช่เรื่องของผม เป็นเรื่องของกระบวนการกฎหมายที่จะว่ากันไป จะให้ผมพูดอะไรได้ล่ะ คำถามบางคำถามไม่ควรจะมาถามผม”
เมื่อถามย้ำว่าจะให้ ส.ว. โหวตเลือกนายกฯ ได้อย่างอิสระใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างมีอารมณ์ฉุนเฉียวว่า “ผมไม่ตอบอะไรทั้งนั้น จำไว้นะผม ไม่ได้มีคำตอบอะไรทั้งสิ้นกับคำถามที่ถามกันมาในวันนี้”
ทั้งนี้ ก่อนที่พล.อ.ประยุทธ์จะเดินขึ้นลิฟท์เพื่อขึ้นไปยังห้องประชุมชั้น 5 ของพรรคฯ มีแฟนคลับมาสวมกอดและให้กำลังใจ พร้อมกับร้องไห้ และระบุว่า ขอให้พล.อ.ประยุทธ์ อดทนอย่าท้อ ขณะที่พล.อ. ประยุทธ์ กล่าวว่า “อย่าไปอ่านโซเชียลฯมาก อาจจะทำให้ไม่สบายใจ”
ขณะที่ ‘เอกนัฏ พร้อมพันธุ์’ เลขาธิการพรรค รทสช. ให้สัมภาษณ์ว่า ผู้สมัครทั้ง 36 คน จะมาพูดคุยเพื่อถอดบทเรียนหลังการเลือกตั้ง แต่การเลือกตั้งที่ผ่านมาคิดว่าคง ยังไม่มีการกำหนดแนวทางอะไร ยังยืนยันในแนวทางของพรรค วันนี้ก็รู้สึกขอบคุณ เพราะจากที่ตั้งพรรคมาและผ่านการเลือกตั้งครั้งแรก เราได้รับคะแนนเสียงเกือบ 5 ล้านเสียงทั่วประเทศ เราก็จะย้ำให้ทุกคนขยันและตั้งใจทำงาน ตามแนวทางที่เรากำหนดไว้ก่อนหน้านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า ในส่วนของพรรค จะมีการเปลี่ยนแปลงกรรมการบริหารพรรคหรือไม่ เพื่อกำหนดทิศทางการทำงานต่อไป โดยเฉพาะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะยังคงอยู่กับพรรคต่อไปหรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ยังอยู่กับพรรคเป็นสมาชิกและประธานกำหนดแนวทางและยุทธศาสตร์ และยังเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค
ส่วนเรื่องการทำงานของพรรค ก็คงจะมีการปรับเปลี่ยนไปตามจังหวะเวลาอย่างเหมาะสมอยู่แล้ว จะเห็นว่าการเมืองมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา การทำงานก็คงจะเน้นการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น ต้องมีการสื่อสารที่แม่นยำ ชัดเจน และเป็นระบบมากกว่าเดิม ซึ่งทั้งหมดนี้ ทั้งผู้บริหารและ ส.ส.ของพรรค จะร่วมกันออกแบบหรือวางแผนว่าจะดำเนินการอย่างไร
เมื่อถามว่า หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค ยังคงเป็นคนเดิมใช่หรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า ยังเป็นคนเดิม ยืนยันว่าไม่มีการเปลี่ยนแปลง ที่ผ่านมาเรา 2 คน ทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรค เรียกว่าเสื่อผืนหมอนใบ ออกมาตั้งพรรค รทสช.ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย และทํามาได้จนถึงขนาดนี้ ก็ต้องถือว่าทุกที่นั่ง ทุกคะแนนเสียง สำหรับพรรคที่เกิดใหม่เริ่มจากศูนย์ถือว่าเป็นความสำเร็จของพรรค และการเลือกตั้งครั้งแรก คะแนนเสียง 4 ล้าน 6 แสน 7 หมื่นเสียง ก็ต้องคิดว่าคะแนนเหล่านี้เป็นต้นทุนที่เราจะต้องนำไปพัฒนาต่อยอด จุดยืนแนวทางการทํางานไม่เปลี่ยน อุดมการณ์ยังเหมือนเดิม และคงจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารในเร็ววันนี้ เพราะเพิ่งจะผ่านการเลือกตั้งมาไม่นาน หัวหน้าพรรคกับตนยังเหนียวแน่นเหมือนเดิม
เมื่อถามว่า ตามข้อบังคับของพรรค มีข้อกำหนดวาระของกรรมการบริหารพรรคไว้หรือไม่ เอกนัฏ กล่าวว่า ตนจำไม่ได้ แต่กรรมการบริหารชุดนี้เพิ่งเข้ามาทํางานเมื่อวันที่ 3 สิงหาคม 2565 มีเวลาทำงาน 7-8 เดือนก่อนเลือกตั้ง