ไม่ควรอ้าง! ติง ‘กฟภ.’ ขายไฟฟ้าชายแดน แต่ไม่รู้เรื่องผลกระทบความมั่นคง

24 ม.ค. 2568 - 06:48

  • ‘ภูมิธรรม’ แจงเร่งตัดไฟ-อินเตอร์เน็ต ‘แก๊งคอลเซ็นเตอร์’

  • เผยตัดไฟแล้ว 2 จุด‘แม่ระมาด-แม่สอด’ ส่วนอีก 2 จุด ประชาชนใช้จริง

  • ติง ‘กฟภ.’ ขายไฟฟ้าชายแดน อ้างไม่รู้กระทบความมั่นคงได้อย่างไร

Phumtham_Clarifying_the_problem_of_call_center_gangs_and_selling_electricity_in_border_areas_SPACEBAR_Hero_c5bb477995.jpg

ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวถึงกรณีสื่อเมียนมา ระบุประเทศไทยเป็นผู้ที่ขายไฟฟ้าให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์ และขบวนการพนันออนไลน์ จะมีการตรวจสอบเรื่องนี้อย่างไร ว่า พื้นที่เหล่านี้เป็นพื้นที่สร้างปัญหาอาชญากรรมทางไซเบอร์ และอยู่ในฝั่งเมียนมา ซึ่งมีการประสานงานกันให้ช่วยแก้ไข แต่ทางเมียนมาก็บอกว่าเป็นพื้นที่ที่ยากจะเข้าไป เพราะมีกำลังของชนกลุ่มน้อย  

อีกทั้งจริงๆ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) ก็ดำเนินการบนพื้นฐานที่มีการจ่ายไฟข้ามแดน ซึ่งเป็นวัตรปฏิบัติปกติ แต่พอเกิดเรื่องแล้วก็มีการตรวจสอบ ซึ่งจุดที่เราดำเนินการ 4 แห่ง มีที่สะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา แห่งที่ 2, ชายแดนเมืองเมียวดี, อำเภอแม่ระมาด และอำเภอแม่สอด

ทั้งนี้ ที่เมียวดี กับสะพานมิตรภาพไทย-เมียนมา ตรวจสอบแล้วเป็นพื้นที่ที่ประชาชนใช้งานจริง ก็ไม่มีการปิดกั้นอะไร จึงปล่อยให้ดำเนินการได้

แต่ส่วนที่มีปัญหา คือ อำเภอแม่ระมาด กับ อำเภอแม่สอด ซึ่งเป็นแหล่งที่มีการพนันออนไลน์ มีคอลเซ็นเตอร์ ได้ดำเนินการตัดไฟไปแล้วตั้งแต่ 5 มิถุนายน 2567 จากนั้นก็มีการตรวจสอบและประสานงานอย่างเต็มที่ โดยหลายเรื่องที่ผิดกฎหมาย ก็รื้อเสาสัญญาณ หรือฐานส่งสัญญาณ พร้อมกับประสานกับ กสทช. (คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ)

อีกส่วนก็ประสานกับบริษัทที่เป็นโอเปอเรเตอร์ ดำเนินการเรื่องที่ยังเป็นปัญหาอยู่ คือเรื่องของอินเตอร์เน็ต ซึ่งวันนี้ได้คุยกันแล้วก็คิดว่าจะมีการดำเนินการเร็วๆ นี้

ไฟตัดแล้ว ซึ่งไฟทำสัญญาปีต่อปี ก็ว่ากันเป็นส่วนๆ ส่วนที่มีปัญหาเราก็ได้จัดการแล้ว จริงๆเรื่องนี้มันไม่ใช่ประเทศไทยประเทศเดียว เป็นเรื่องที่เมียนมาและจีน ที่ต้องช่วยกัน ซึ่งจีนก็ประกาศชัดเจนอยู่แล้วว่าเขาจะดำเนินการเต็มที่ และไทยก็ประกาศชัดเจนว่าจะดำเนินการเต็มที่เช่นกัน เพราะฉะนั้น ของเราตอนนี้ที่มีปัญหาและถูกกล่าวหา คือ เรื่องไฟ กับการเป็นทางผ่าน จริงๆ เวลาตรวจสอบคนงานที่เข้าไปทำงานที่ชเวโก๊กโก่ (Shwe Kokko) หรือทางฝั่งเมียนมา ไม่ได้มาจากไทยที่เดียว เพราะบางคนก็ผ่านมาทางสุวรรณภูมิ ซึ่งก็มีกล้องจับตาดู เข้ามาโดยปกติ ไม่ผิดกฎหมาย และมาเป็นแนวท่องเที่ยว

ภูมิธรรม เวชยชัย

ส่วนกรณีชาวอินโดนีเซีย 32 คน ที่จับได้ ก็เดินทางผ่านสุวรรณภูมิ 12 คน และไปปรากฏที่ด่าน รายงานอยู่ 8 คน แต่อีก 4 คน ไม่ทราบไปไหน ส่วนอีก 20 คนยังไม่มีที่มา ก็ตรวจสอบอยู่

นอกจากนี้ ก็ยังมีเครื่องบินจากยุโรป-แอฟริกา บินเข้าเมียนมาโดยตรงผ่านทางย่างกุ้ง อีกส่วนมาจากเมืองจีนก็เข้าที่เมียวดีเลย เพราะฉะนั้น ก็เป็นเรื่องที่อีกหลายส่วนที่ต้องว่ากัน แต่โดยรวมการเข้าไปเท่าที่เราสอบสวนดู เป็นการเข้าไปโดยสมัครใจ เพราะคิดว่าเป็นงานที่มีค่าแรงสูง ดูได้จากโฆษณาตามออนไลน์

แต่พอทำงานแล้วไม่ได้ตามที่เขาต้องการ หรือผิดความคาดหมาย ก็มีจำนวนหนึ่งที่ทนไม่ได้และพยายามหนีออกมา อย่างที่เป็นข่าว 32 ชาวอินโดนีเซีย หนีเข้ามาได้ ซึ่งทาง ฉก.ราชมนู ไปพบเขาก็นำตัวมาและดำเนินการเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย ถ้าตรวจสอบแล้วไม่มีคดีอะไรก็ปล่อยไป เพราะฉะนั้น เรื่องไฟฟ้าเรากำลังดำเนินการอยู่ และทำไปบ้างแล้ว จริงๆ ถ้าจะบอกว่ามาจากไทยทั้งหมดคงไม่ใช่

ส่วนกรณีวานนี้ที่การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค หรือ กฟภ. เข้าชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการความมั่นคงฯ โดยพูดในทำนองว่า “มีหน้าที่จ่ายไฟ แต่ไม่ได้มีความรู้เรื่องผลกระทบความมั่นคง” ซึ่งในวันที่ 29 มกราคมนี้ การไฟฟ้าจะมีการประชุม และทางสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ก็ขอเข้าร่วมประชุมด้วย เพื่อให้ข้อมูลเรื่องความมั่นคง ได้รับรายงานแล้วหรือไม่?

เรื่องนี้ ภูมิธรรม บอกว่า “ก็เป็นอย่างนั้น ถ้าบอกว่าไม่เข้าใจเรื่องความมั่นคง ฝ่ายความมั่นคงก็จะไปทำความเข้าใจ”

เมื่อถามว่าจำเป็นต้องทำความเข้าใจกับ อนุทิน ชาญวีรกุล รองนายกฯ และ รมว.มหาดไทย ในฐานะที่กำกับดูแล กฟภ. ให้ชัดเจนมากกว่านี้หรือไม่? ภูมิธรรม กล่าวว่า การประสานงานคงมีอยู่แล้ว แต่ต้องดูรายละเอียดว่าที่เขาแถลงเป็นอย่างไร ก็มีการประสานระหว่างหน่วยงานอยู่ แต่ถ้าเป็นเรื่องระดับนโยบาย อนุทินก็อยู่ในที่ประชุม สมช.อยู่แล้ว ก็รับรู้ร่วมกัน ก็ต้องไปดำเนินการ

ฝ่ายปฏิบัติการอาจจะอ้างได้ แต่จริงๆ ก็ไม่ควรอ้าง แต่ควรรับรู้ได้ด้วยวิญญูชน มันไม่ควรอ้างแบบนี้ แต่ถ้าคุณขายไฟแล้วพบว่ามีปัญหา คุณก็ควรต้องจัดการเท่านั้นเอง ไม่ใช่ปฏิเสธว่ามีอำนาจส่งไฟขายไฟ คุณอาจไม่รู้เรื่องรายละเอียดตรงนี้ ก็อาจไม่ว่ากัน ความไม่ครบถ้วนตรงนี้ก็อาจต้องคุยกัน แต่การที่บอกว่าไม่มีความรู้เรื่องนี้ มันรู้อยู่แล้วเรื่องนี้ต้องประสานงาน เราเองเราทราบก็ต้องดำเนินการ อย่างมิถุนายนปีที่แล้ว ก็มีการดำเนินการไปแล้ว 2 แห่ง เพราะเป็นที่ชัดเจน

ภูมิธรรม เวชยชัย

มอง ‘ทรัมป์’ ขึ้นผู้นำสหรัฐคนใหม่ ยังไม่กระทบความมั่นคงไทย

ในส่วนบทบาทของกองทัพไทย หลังจากที่ โดนัลด์ ทรัมป์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะส่งผลต่อบทบาทความมั่นคงของประเทศไทยหรือไม่นั้น?

เรื่องนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความเห็นว่า โดนัลด์ ทรัมป์ มีนโยบายหลายๆ อย่างที่พูดผ่านสื่อ แต่เรื่องความมั่นคงของเรา ตอนนี้เรายังไม่เห็นท่าทีที่ชัดเจนว่าจะกระทบกับของเราอย่างไร เพราะตอนนี้เป็นปัญหาเชิงเศรษฐกิจเป็นหลัก

ส่วนเรื่องความมั่นคงจะมีผลกระทบตามมาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับนโยบายของ โดนัลด์ ทรัมป์ เพราะปัญหาสำคัญ คือ พื้นฐานความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันระหว่างไทย-สหรัฐอเมริกา

ในส่วนนโยบายของไทยที่ชัดเจน คือ การดำเนินการเพื่อสร้างความสมดุลกับมหาอำนาจทุกฝ่ายที่อยู่ในภูมิภาคนี้ เพราะเรารู้อยู่แล้วว่าภูมิภาคเอเซียของเรานั้น เป็นพื้นที่ที่มหาอำนาจต่างๆ เข้ามามีบทบาท เราเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ไม่ใช่ประเทศใหญ่อะไร เราไม่เป็นศัตรูกับใครกับประเทศจีนเราก็มีความสัมพันธ์ที่ดีเช่นกัน

‘กองทัพเรือสหรัฐฯ’ ส่ง ฮ.รับขึ้นเรือ ‘USS คาร์ล วินสัน’ สานสัมพันธ์ 2 ประเทศ

ภูมิธรรม เผยด้วยว่า ในวันอาทิตย์ที่ 26 ม.ค.นี้ ทูตสหรัฐอเมริกาที่ประจำอยู่ที่ประเทศไทย ได้เชิญตนพร้อมคณะ เดินทางไปขึ้นเรือ ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน (USS Carl Vinson) โดยจะนำเฮลิคอปเตอร์มารับที่ บน.6 เพื่อไปลงที่เรือรบของสหรัฐฯ ที่กลางทะเลอ่าวไทย ซึ่งมีผู้บัญชาการกองเรือที่ 5 มาร่วมพบปะด้วย

ผมน่าจะเป็นรัฐมนตรีกลาโหมคนแรก ที่ได้รับเชิญไปรับประทานอาหารกับผู้บัญชาการกองเรือที่ 5 ของสหรัฐอเมริกา และท่านเองก็เคยมาเยี่ยมผมที่ไทย และเคยเจอกันก่อนหน้านี้ในการประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียนที่ประเทศสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และจะได้พบกันอีกครั้งในวันอาทิตย์นี้ ตอนนี้ก็ไม่มีอะไรที่น่ากังวลใจเห็นความสัมพันธ์ของประเทศเราสองประเทศ และเราก็จะพยายามสร้างความสมดุลในเรื่องของความสัมพันธ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจอยู่แล้ว

ภูมิธรรม เวชยชัย

ก่อนจบการให้สัมภาษณ์ ภูมิธรรม กล่าวติดตลกว่า “ผมไปขึ้นเรือเขา เขาคงไม่คุมตัมผมไว้หลอกนะ”

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์