อีกหนึ่งประเด็นร้อนที่มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักหน่วง นั่นก็คือกรณีที่มีความพยายามยื่นเรื่องต่อศาลรัฐธรรมนูญ ให้ยกเลิก ‘MOU 2544’ ในยุคของ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่รัฐบาลปัจจุบันจะนำมาเป็นเครื่องมือในการแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล
ซึ่งถูกมองว่าไทยจะเสียเปรียบการปักปันเขตแดนทางทะเล โดยเฉพาะเรื่อง ‘เกาะกูด’ จ.ตราด
เรื่องนี้ ภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงว่า MOU 2544 เราทำได้ดีแล้ว คนที่ทำเรื่องนี้ได้ดีก็คือ สุรเกียรติ์ เสถียรไทย ซึ่งในสมัยนั้นเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ
เกาะกูดเป็นของไทยมาโดยตลอด และไม่เคยมีปัญหาว่ากัมพูชาอยากจะเอาแบ่งเขตแดนและการพูดคุยเรื่องเส้นแบ่งเขตแดนในเรื่องเก่า ที่เกิด MOU 2544 ไม่ใช่ MOU จะให้ทำ แต่เป็น MOU จะให้ไม่ทำ
ภูมิธรรม เวชชยชัย
ทั้งนี้ สิ่งที่เป็นปัญหาคือเรื่องเส้นเขตแดน โดยข้อเท็จจริงแล้วเส้นเขตแดนมาตามเกาะกูด และอ้อมเกาะกูดลงมา โดยไปตามแนวของเกาะกูด เพียงแต่เราอยากเห็นการปักเส้นเพียงนิดเดียว คือ เส้นนี้ แทนที่จะไปล้อมรอบเกาะกูด ก็ตรงออกมาเลย และขณะนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องเขตแดน
แต่ทำอย่างไรให้ได้ประโยชน์ร่วมกัน เพราะทุกประเทศมีหลักการที่ใช้คือวัดจากไหล่ทวีปมา 200 ไมล์ทะเล และอ่าวไทยแคบ เมื่อมีการประกาศ 200 ไมล์ทะเล เราก็ 200 ไมล์ทะเลตาม ทำให้ต่างฝ่ายมีพื้นที่ทับซ้อนกัน ซึ่งในโลกนี้มีหลายประเทศ เช่น มาเลเซีย เวียดนาม ก็ใช้วิธีการพูดคุยกันเพื่อตกลงผลประโยชน์ แต่ไม่ได้หมายถึงเรื่องดินแดน
ซึ่งเรื่องดินแดนของเรา ในเรื่องเกาะกูด ชัดเจนมาตั้งแต่สมัยฝรั่งเศส ว่า เกาะกูดเป็นของไทย ตรงนี้ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเกาะกูดหรือไม่ ขออย่าหลงประเด็น
สิ่งสำคัญคือ ข้างล่างใต้ทะเลที่มีประโยชน์ น้ำมันใช้ได้ ซึ่งอีก 10 ปีจะลดความสำคัญลง และตรงนี้กว่าจะตกลงกันได้หากเอาผลประโยชน์ขึ้นมา ก็ปา 5 ปี ซึ่งหากไม่ทำอะไรภายใน 10 ปี ก็ไม่มีความหมายเพราะปัจจุบันมีรถไฟฟ้าเกิดขึ้น นี่คือสิ่งที่น่าเสียดายที่ประเทศชาติจะต้องสูญเสียทรัพยากรตรงนี้ไป
ภูมิธรรม เวชชยชัย
การที่รัฐบาลจะนำเรื่องนี้มาพูดคุย ซึ่งเข้าใจว่าตนเองน่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะสมัยก่อนเป็น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายยความมั่นคง เป็นประธานคณะกรรมการด้านเทคนิคฝ่ายไทย ซึ่งมองว่าเรื่องนี้ต้องเจรจากัน
แต่ที่สำคัญต้องทำความเข้าใจกับประชาชน อย่าขยายเป็นเรื่องการยึดดินแดน เสียดินแดน ชาติขึ้นมา เพราะเป็นการปลุกความคลั่งชาติขึ้นมา ทำร้ายผลประโยชน์ที่ประเทศควรจะได้รับ
เมื่อถามว่ามีข้อมูลและหลักฐานที่ชี้ชัด ว่ากัมพูชาก็อ้างสิทธิในเกาะกูด ทั้งการขีดเส้นขีดแดงขึ้นเอง และการสร้างสะพานลงในอ่าวไทย โดยยึดเขตแดนดังกล่าว
ภูมิธรรม กล่าวว่า เรื่องนี้ก็คงต้องคุยกัน เพราะต่างฝ่ายต่างพูดก็จะไม่มีข้อสรุป ซึ่งปัจจุบันนี้เรื่องเส้นแดนหรือเขตแดนที่ทุกประเทศมีปัญหา มีความสำเร็จน้อยมากที่จะพูดคุยกัน มีหลายประเทศที่พูดคุยกันแต่ก็หาข้อสรุปไม่ได้ใช้เวลา 20-30 ปี
แต่เขามีกระบวนการที่จะหาประโยชน์ร่วมกัน เพื่อให้ทรัพยากรตรงนั้นอำนวยประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ซึ่งมีหลายเคสที่ประสบความสำเร็จ
ทั้งนี้ อยากให้ลดอารมณ์ความรู้สึกเหมือนกับความคลั่งชาติ และต้องทำความเข้าใจประเด็นขายชาติขายดินแดน มันไม่มี สิ่งที่แตกต่างกันก็ยังยืนยันอยู่ แต่ก็ไม่มีการล่วงล้ำอะไร สิ่งที่จะดูก็คือจะแบ่งปันผลประโยชน์อย่างไร กับผลประโยชน์ที่ทั้งสองชาติสามารถที่จะอ้างอิงได้
ถ้าท่านเข้าใจว่าจาก 2 ไหล่ทวีป 200 ไมล์ทะเล ตามที่โลกยอมรับทับกันแน่นอนอยู่แล้ว และเขายึดแผนที่ฝรั่งเศสด้วย ซึ่งก็ยังเป็นปัญหาอยู่ สิ่งที่เกิดขึ้นในการประกาศขึ้นมาก็เกิดขึ้นได้อยู่แล้วเหมือนกับประเทศอื่นๆ ก็ต้องมีการเจรจา ถ้าผมเข้ามารับผิดชอบคณะกรรมการชุดนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง เพราะหมดไปกับรัฐบาลชุดที่แล้ว และหลังจากเปลี่ยนแปลงแล้ว ก็คงจะเรียกประชุมว่าจะทำอย่างไร ซึ่งอาจจะต้องมีการปรับ ให้มีหน่วยงานที่กว้าง ขึ้นมากกว่ากระทรวงต่างประเทศเพราะปัจจุบันเป็นอธิบดีและหัวหน้ากรมสนธิสัญญา อาจจะต้องดึง สภาพัฒน์ กฤษฎีกา และส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วมด้วย เพื่อทำให้ภาพรวมมองได้กว้างขวางมากขึ้น
ภูมิธรรม เวชชยชัย
เมื่อถามว่า ในมุมมองจะแบ่งผลประโยชน์ทับซ้อนควบคู่ไปกับการปักปันเขตแดนให้เสร็จไปพร้อมพร้อมกันเลยหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นความอยากของทุกคน แต่สามารถทำได้แค่ไหน ก็ถือเป็นเรื่องหนึ่ง ที่ผ่านมาก็ยังไม่เห็นว่าจะมีประเทศไหนสำเร็จ ก็ค้างคากันอยู่แบบนั้น เช่น กรณีไทย-มาเลเซีย, ไทย-เวียดนาม ถึงจะสามารถแบ่งปันผลประโยชน์กันได้ รวมถึงไทยกัมพูชา
แต่เชื่อว่า บนพื้นฐานที่ปัจจุบัน อาเซียนค่อนข้างใกล้ชิดและสามารถพูดคุยกันได้ ก็ไม่น่าจะมีปัญหา อย่างไรก็ตาม ขอเข้าไปดูรายละเอียดก่อน
ส่วนกรณีที่มีความกังวลเรื่องความสัมพันธ์ของคนในรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ที่มีความใกล้ชิดกัน จึงมีความกังวลการเจรจาจะมีผลประโยชน์ส่วนตัว ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าไปจินตนาการ, เรื่องผลประโยชน์ประเทศชาติต้องมาก่อนเรื่องอื่นอยู่แล้ว และการแยกดินแดนก็ไม่มี เป็นเรื่องของการที่จะแบ่งปันผลประโยชน์ตามที่นานาประเทศทำกัน
อย่าจินตนาการ เพราะเรื่องจริงหรือไม่จริงยังไม่รู้ แต่จะมีความรู้สึกว่าผิดมันพลาดไปจะเกิดขึ้นโดยเร็ว อยากให้อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงดีกว่า หากความจริงมันเป็นอย่างนั้น พิสูจน์ได้ก็ว่ากันไป และผมเชื่อว่าทุกคนรักษาผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ
ภูมิธรรม เวชชยชัย