ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นพดล ปัทมะ สส.พรรคเพื่อไทย เสนอให้ใช้มาตรา 152 เปิดอภิปรายเรื่อง MOU44 ในรัฐสภา เพื่อทำข้อเสนอแนะ ให้รัฐบาลป้องกันม็อบลงถนนว่า ถือเป็นข้อเสนอที่น่าสนใจ แต่เรื่องนี้ต้องมาดูตามความเป็นจริง ต้องดูพรรคร่วมรัฐบาลด้วยจะว่าอย่างไร เป็นเรื่องที่ต้องร่วมกันคิด แต่ขณะนี้ยังไม่ไปถึงตรงนั้น ตอนนี้เราก็ใช้วิธีการชี้แจง หลายช่องทาง การแก้ปัญหา ไม่ได้มีแค่ไม่วิธีเดียว ถ้าทำไม่ได้ ก็เปลี่ยนวิธี สิ่งที่นายนพดลเสนอ ก็น่าจะเสนอได้
เมื่อถามว่า จักรภพ เพ็ญแข เสนอให้รัฐบาล ยื่นเงื่อนไขเจรจาแบ่งผลประโยชน์พื้นที่ทับซ้อนไทยกัมพูชา ภายใต้เงื่อนไขเคารพกฎหมายระหว่างประเทศ กฎหมายทางทะเล และสนธิสัญญาจะทำให้ทุกอย่างเดินหน้าไปได้นั้น ภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลอยู่ระหว่างการจัดตั้งคณะกรรมการเทคนิคร่วมฝ่ายไทย (JTC) ส่วนที่ว่าตนนั่งเป็นประธาน ยังต้องรอมติ ครม. สุดท้ายต้องคุยกันก่อน เมื่อจัดตั้งได้ ก็ต้องมีการหารือกัน ยืนยันว่า การเจรจาก็อยู่ภายใต้กรอบ JTC และ MOU 2544 ตรงนั้น ชัดเจนอยู่แล้ว ว่าจะไม่ไปกระทบ สิ่งที่เกี่ยวข้อง และต้องเป็นความเห็นชอบของประชาชนทั้งสองฝ่าย รวมถึงกฎหมายทางทะเล กฎหมายระหว่างประเทศ รวมถึงกรอบนโยบายต่างๆ ที่เราต้องคำนึงด้วย
ส่วนที่ผ่านมาได้มีการหารือทวิภาคีกับกัมพูชาได้มีการพูดคุยในเรื่องนี้หรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า ในภาพรวมพูดคุยในเรื่องต่างๆ ส่วนตรงนี้ไม่มีอะไร เราไม่คิดว่าจะมีปัญหาอะไร เพราะเขายอมรับและทราบอยู่แล้วว่าเกาะกูดเป็นของเรา และอยู่กับเรามาตั้งแต่ต้น ก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร
สำหรับกลุ่มต่อต้านรัฐบาลกัมพูชากดดันให้ฟ้องศาลโลกเพื่อทวงคืนเกาะกูดจากไทย จะส่งผลให้การเจรจาไม่ราบรื่นหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดาของประเทศที่เป็นประชาธิปไตย ฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านก็ต้องทำหน้าที่ของตัวเอง เพียงแต่อยากให้ตรวจสอบภายในกรอบที่อยู่ภายใต้ของกฎหมาย พร้อมย้ำว่า ไม่มีปัญหาอะไรถ้ารัฐบาล ที่มีหน้าที่โดยตรงและเป็นตัวแทนประชาชน ส่วนความเห็นของประชาชนบางส่วน ที่มีความแตกต่างกัน ก็เป็นเรื่องธรรมดาในระบอบประชาธิปไตย
ส่วนการประชุมทวิภาคีกัมพูชา จะมีตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข่าวปลอมส่งผลกระทบความสัมพันธ์สองประเทศ ภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นแค่เพียงการพูดคุยเกี่ยวกับข่าวปลอมที่ส่งผลกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แต่ไม่ถึงกับตั้งคณะกรรมการ เพียงแต่ให้แต่ละประเทศช่วยกันชี้แจง เพราะบางครั้งมีเสียงลือ เสียงเล่าอ้าง อยากให้ทั้งสองประเทศช่วยกันตรวจสอบในข้อเท็จจริง เพราะข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อนจะส่งผลให้ทั้งสองประเทศ ไม่เข้าใจกัน และไม่ส่งผลดี รวมถึง MOU44 และเรื่องอื่นด้วย
เมื่อถามว่า ร่วมถึงการปั่นข่าวว่ากัมพูชา เคลมหมูเด้ง เคลมลิซ่า ด้วยหรือไม่ ภูมิธรรม กล่าวว่า อย่าฟังเสียงเล็กเสียงน้อย แล้วเอามาเป็นประเด็น

ภูมิธรรม ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย วาตภัย และดินโคลนถล่ม (ศปช.) และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ยังได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่จังหวัดภาคใต้ โดย พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า หลังจากที่ลงไปในพื้นที่ตั้งแต่เมื่อวานนี้ พบว่าสถานการณ์ในจังหวัดยะลาหนักสุด ซึ่งหลังจากวันนี้มวลน้ำจะเคลื่อนย้ายไปจังหวัดปัตตานี ขณะเดียวกันจากการพยากรณ์อากาศจะมีปริมาณฝนตกในพื้นที่จังหวัดสงขลา และสตูล ฉะนั้น ในช่วง2-3 วันนี้ จังหวัดยะลา ปัตตานี สงขลา และสตูลที่ยังมีสถานการณ์ แต่ฝนจะเบาบางลงภายใน 1-2 วันสถานการณ์ก็น่าจะค่อยๆดีขึ้น
สำหรับจุดที่มีการปักธงแดงน้ำเริ่มลดลงหรือยัง พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า ยัง ขณะนี้ยังไม่ลด ซึ่งเส้นทางสัญจรค่อนข้างลำบากมีปัญหาเรื่องการส่งกำลัง เรื่องน้ำมัน แก๊สหุงต้ม และอาหารสดที่จะส่งเข้าไปในพื้นที่ โดยภูมิธรรมได้สั่งการให้ทุกหน่วยเร่งแก้ปัญหาเรื่องนี้
เมื่อถามว่า สถานการณ์แตกต่างกับในพื้นที่ภาคเหนืออย่างไร พล.อ.ณัฐพล กล่าวว่า สถานการณ์จังหวัดภาคใต้เป็นน้ำท่วมผ่าน ที่น้ำลงมาจากเขา เริ่มไปที่จังหวัดยะลา ไปปัตตานี และจะลงทะเล เป็นน้ำหลาก
ขณะที่ ภูมิธรรม กล่าวว่า รัฐบาลเตรียมการดูแลความเสียหายเบื้องต้นแล้ว อาทิ เงินเยียวยา และอื่นๆจากที่เคยทำมา และเมื่อสถานการณ์ผ่านพ้นไปก็จะเตรียมแผนฟื้นฟูต่อไป
เมื่อถามในโซเชียลมีการโจมตีว่าสถานการณ์น้ำท่วมนั้น รัฐบาลสนใจแต่พื้นที่ภาคเหนือมากกว่าภาคใต้ ภูมิธรรม กล่าวว่า ตอนสถานการณ์ภาคเหนือสถานการณ์หนักมาก แต่เมื่อภาคใต้เกิดปัญหา เราก็ส่งกำลังลงไปทันที อย่าง พล.อ.ณัฐพล ก็ลงไปตั้งแต่วันแรก จากนั้นรมว.มหาดไทยก็ลงไป วันนี้รมว.ยุติธรรมก็ลงไป รวมถึงทหารก็นำทีมจิตอาสาลงไป ขอยืนยันว่า การดูแลประชาชนทั้งประเทศเหมือนกัน เท่าเทียม และเข้าใจสิ่งเหล่านี้ อย่าฟังในโซเชียลมากนัก เพราะบางทีอยู่แต่ในบ้าน แล้วปั่นโซเชียลไป อยากให้อยู่กับความเป็นจริง
ยอมรับ ‘เรือรบเมียนมา’ ยิง ‘เรือประมงไทย’ ที่น่านน้ำระนอง แต่ขอรอ ‘กองทัพเรือ’ แจงรายละเอียดอีกครั้ง
ส่วนกรณีที่มีรายงานว่า ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล (ศรชล.) จังหวัดระนอง ได้รับแจ้งสถานการณ์ เรือประมงเมียนมาติดอาวุธ ทำการใช้อาวุธต่อเรือประมงไทย ขณะวางอวนล้อมจับปลาในเขตน่านน้ำไทย ห่างทางทิศตะวันตกของเกาะพยาม
เรื่องนี้ ภูมิธรรม ชี้แจงว่า ต้องรอทางกองทัพเรือรายงานรายละเอียดอีกครั้งว่าเรือประมงของไทยนั้นล้ำเส้นเขตแดนออกไปหรือไม่
ยอมรับว่าเรือรบเมียนมายิงเรือประมงของไทยจริง แต่เป็นการยิงสัญญาณเตือน ไม่ใช่การทำร้าย และมีบางส่วนกระเจิดกระเจิง และตกใจตกน้ำไป แต่ขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงานว่าเหตุการณ์ดังกล่าวนั้นเป็นเช่นไร
— ภูมิธรรม เวชยชัย
ภูมิธรรม ยืนยันว่า ในเบื้องต้น ทางกองทัพเรือได้มีการเจรจากับทางการเมียนมา เนื่องจากเจตนาในเบื้องต้นไม่ใช่ต้องการรุกล้ำน่านน้ำแต่อย่างใด และจะไม่ลุกลามเป็นปัญหาระหว่าง 2 ประเทศ พร้อมมองว่า ยังไม่ถึงขั้นที่ต้องทำหนังสือเตือนระหว่างรัฐบาล