ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย (มท.) เดินทางมายังศาลาว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงฯ ทั้ง 7 จุด เช่น อารักขเทวสถาน เจ้าพ่อหอกลอง พระบรมรูปหล่อสมเด็จพระนเรศวรมหาราช เป็นต้น ซึ่งเป็นการอำลาตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม
ภูมิธรรม กล่าวว่า เป็นการอำลาตามสถานการณ์ เพราะได้การโปรดเกล้าฯ แล้ว เป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพียงแต่ยังปฎิบัติหน้าที่ไม่ได้ เพราะต้องรอเข้าเฝ้าถวายสัตย์ในวันพรุ่งนี้ หลังจากนั้นจะมีการประชุม ครม.นัดพิเศษ แล้ว ก็คงจะเข้าปฎิบัติหน้าที่ได้ตามปกติ ซึ่งในฐานะที่อยู่ที่นี่มา 9 เดือน ก็ยังรู้สึกว่าเร็วไปหน่อยกำลังเข้าใจ รับทราบ และเห็นปัญหา เห็นศักยภาพที่จะมาช่วยแก้ปัญหาให้ดีขึ้น
ซึ่ง 9 เดือน ที่มาอยู่ก็เข้าใจ และมีส่วนทำงานร่วมกับผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงกลาโหม และเหล่าทัพ ทุกอย่างที่เราทำก็ไปในทิศทางที่คิดว่าเป็นประโยชน์ หลายเรื่องได้เริ่มก่อให้เห็น โดยเฉพาะการดูแลสวัสดิการของทหารชั้นผู้น้อย และทหารทั้งหมดของกองทัพในเรื่องที่เป็นขวัญกำลังใจ ในฐานะที่กองทัพเป็นด่านแรกที่ต้องเผชิญกับวิกฤตต่างๆ และยังช่วยเหลือประชน ก็ขอบคุณทุกอย่างที่ได้ช่วยและสนับสนุนมา ดีใจและขอบคุณที่ได้รับการต้อนรับและเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวกลาโหม ครอบครัวของทหาร
ที่ผ่านมาก็ได้ทำไปแล้วหลายเรื่อง อย่างเรื่องที่ค้างค้างเป็นปัญหา เช่น เรือดำน้ำ ก็เซ็นเข้าไปที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว ก็รอบรรจุวาระ ไปผ่านรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ส่วนที่ยังเหลืออยู่ เช่น การทำบ้านพักอาศัย การปรับกำลังพล ซึ่งตนมีความเชื่อมั่นว่าสิ่งต่างๆ ที่วางไว้น่าจะประสบความสำเร็จได้

เพราะพบว่าผู้บังคับบัญชาระดับสูงของกระทรวงกลาโหมและเหล่าทัพ มีมายด์เซ็ทที่เข้าใจโลกที่เปลี่ยนแปลงไป เพราะฉะนั้นการปรับกำลังพลให้มีขนาดเล็กลง มีประสิทธิภาพ และมีอาวุธยุทโธปกรณ์ที่เหมาะสมกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นในสมัยใหม่ ก็เป็นสิ่งที่จะถูกปูทางและดำเนินการต่อไป โดยเรื่องเหล่านี้ได้คุยกับผู้บัญชาการเหล่าทัพ ในวันที่ประชุมสภากลาโหมแล้ว และทางกลาโหมเองก็คงจะดำเนินการจัดการต่อไป
นอกจากนี้ยังได้คุยกับ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม รักษาการแทน รมว.กลาโหม แล้ว ว่าอะไรที่ทำอยู่ก็ให้ทำไป ส่วนเรื่องชายแดนกัมพูชาก็ยังไม่ทิ้ง ยังให้หลักการไป คิดว่าจะพยายามถึงที่สุดให้เกิดผลสำเร็จ ตามที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าไม่อยากเห็นการใช้กำลังในการสู้รบ แต่อยากเห็นการจบลงด้วยสถานะเดิมที่เคยมี แต่เรื่องนี้เป็นเรื่อง 2 ฝ่าย ต้องใช้เวลาพูดคุย และมีกระบวนการทางกฎหมายระหว่างประเทศที่จะกำหนด
ภูมิธรรม ยอมรับว่า เรื่องเรือดำน้ำเซ็นเข้าใน ครม.แล้ว รอให้ ครม. บรรจุวาระ และต้องให้ผ่านรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง เพราะเรื่องเหล่านี้เดินไปแล้วก่อนจะมีการ โปรดเกล้าฯ ครม.แพทองธาร 1/2 แต่โครงการจัดซื้อเครื่องบินกริพเพน เซ็นไม่ทัน ก็ต้องให้รัฐมนตรีใหม่เข้ามาดำเนินการ ซึ่งเรื่องเรือดำน้ำก็ต้องผ่าน รองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง ก็คือตน เพราะเรื่องนี้เซ็นออกไปแล้ว ตั้งแต่ก่อนสิ้นเดือน มิ.ย.68

ส่วนปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นไปตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เวลาที่บ้านเมืองมีความสับสนหรือมีความไม่ชัดเจน การก่อความไม่สงบก็จะเกิดขึ้นตามมา ซึ่งตนมีกรอบที่จะดำเนินการในเรื่องนี้เรียบร้อยแล้ว คงจะเสนอรองนายกฯ ฝ่ายความมั่นคง และประสานต่อในส่วนต่างๆ ยืนยันจะทำต่อ และบอก พล.อ.ณัฐพล ไปแล้ว ว่าเรื่องนี้ทำต่อเลย เพราะมันเป็นการรวบรวมความเห็นมาจากหลายหน่วย ทำให้มองในทุกมิติ และเชื่อว่าการแก้ปัญหาครั้งนี้จะมีเรื่องใหม่ๆ ที่ยังไม่เคยได้ทำ และน่าจะแก้ไขปัญหาให้ดีขึ้นได้ และเร็วที่สุด
ส่วนกรณีเว้นว่างตำแหน่ง รมว.กลาโหม เป็นเพราะเหตุใด ภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็มีข้อสงสัย ก็เป็นเรื่องความเหมาะสม คงเป็นเรื่องที่ทางราชการไม่อยากจะพูด ก็ถือว่าทำทุกอย่างให้อยู่ในกลไกที่ทุกคนสามารถทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่
เมื่อถามย้ำว่าตำแหน่งนี้เป็นโควตาของพรรคเพื่อไทยใช่ ภูมิธรรม บอกว่า ที่ผ่านมาเคยเป็นของพรรคเพื่อไทยรับผิดชอบ ตอนนี้เป็นเรื่องที่เราไม่ได้คิดว่าต้องเป็นเพื่อไทยหรือไม่เป็นเพื่อไทย ตอนนี้ที่สำคัญคือรัฐมนตรีกลาโหมที่มีศักยภาพ มีความสามารถ เชื่อมโยงกับเหล่าทัพต่างๆ ได้อย่างดี และสามารถทำหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของประเทศ และทำหน้าที่ของกระทรวงกลาโหมอย่างสุดความสามารถ
ส่วนที่มีข่าวว่าจะได้ รมว.กลาโหมคนใหม่ ในช่วง 3 เดือนนี้ ภูมิธรรม กล่าวว่า ถ้าข่าวลือ ที่ยังไม่รู้ ก็อย่าเอามาถามตน เพราะมันลอยๆ แต่ย้ำว่าการตัดสินใจก็ต้องพยายามเลือกคนที่เหมาะสมที่สุด อย่างตนก็ยังดูด้านดี ด้านลบ มนุษย์ไม่มีอะไรที่ร้อยเปอร์เซ็นต์ ถ้าตราบใดเข้ามาทำงานได้ ซื่อสัตย์สุจริต ก็ไม่มีปัญหา ถ้าตราบใดทำงานแล้วมีข้อสงสัย ก็ต้องพิสูจน์ตัวเอง พิสูจน์ได้ก็ไม่มีปัญหา พิสูจน์ไม่ได้ก็ต้องรับภาระตามสิ่งที่ตัวเองได้กระทำ
