เดือดแต่หัววัน! ‘พิเชษฐ์-พริษฐ์’ ปะทะคารมปมงบฯ ‘รีโนเวทสภาฯ’

29 พ.ค. 2568 - 05:07

  • ‘รองประธานสภาฯ คนที่ 1-สส.ปชน.’ ฟาดปากปมงบฯ ‘รีโนเวทสภาฯ’

  • ‘พริษฐ์’ ใช้สิทธิ์พาดพิง ชี้ตรวจงบฯ สภาฯ ไม่ใช่ ‘รื้อรั้วบ้าน’

  • โต้อีกฝ่ายปมฉากหลังบัลลังก์ 133 ล้าน-ที่จอดรถ 105 ล้าน ไม่เร่งด่วน

  • ‘พิเชษฐ์ ’ โต้กลับ ไลฟ์สดกรรมาธิการทำเจ้าหน้าที่เสียหาย-สภาต้องมีศักดิ์ศรี

เดือดแต่หัววัน! ‘พิเชษฐ์-พริษฐ์’ ปะทะคารมปมงบฯ ‘รีโนเวทสภาฯ’

ผู้สื่อข่าวรายงานการประชุมสภาผู้แทนราษฎร (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ซึ่งมี พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วงเงิน 3.78 ล้านล้านบาท ต่อเนื่องเป็นวันที่ 2


โดยเมื่อเปิดฉากมา พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ได้ขอใช้สิทธิ์พาดพิง กรณีรองประธานสภาฯ คนที่ 1 พูดถึงเจ้าตัว กรณีงบฯ ‘รีโนเวทรัฐสภา’ ซึ่งมี 4 ประการ คือ


1. รองประธานสภาฯ คนที่ 1 พยายามจะสื่อว่าผมมีเจตนาในการไปจุดกระแสหรือ “รื้อรั้วบ้าน” จากการตรวจสอบคำของบประมาณของสภาฯ ขอยืนยันว่าเจตนาไม่ใช่เป็นการรื้อรั้วบ้าน ผมทำหน้าที่ในฐานะคณะกรรมาธิการพัฒนาการเมือง ซึ่งเรามีวาระในการตรวจสอบคำของบประมาณของทุกหน่วยรับงบประมาณที่เกี่ยวข้องกับการยกระดับประชาธิปไตย ไม่ได้เพ่งเล็งเฉพาะงบประมาณของสภาแห่งเดียว แต่ก็สะท้อนหลายประเด็นที่สื่อมวลชนและสาธารณะตั้งคำถามกับการตั้งงบประมาณของสภาฯ เป็นพิเศษในปีนี้


2. รองประธานสภาฯ คนที่ 1 ย้ำหลายรอบว่า “งบประมาณยังไม่ผ่านสภา ยังไม่มีการใช้จ่าย” ผมคิดว่าคำพูดนั้นไม่ครบถ้วน จริงอยู่ที่งบประมาณปรับปรุงศาลาแก้ว ปรับปรุงห้องงบประมาณ การก่อสร้างอาคารที่จอดรถ อาจยังไม่มีการใช้จ่ายจริง แต่มีงบฯ ส่วนหนึ่งที่ทางสภาเตรียมไว้แล้ว มีการโอนงบจากงบฯ 67 บางส่วนจากโครงการอื่นมาใช้ เช่น งบประมาณในการออกแบบอาคารที่จอดรถ มูลค่า 105 ล้านบาท มีการคัดเลือกบริษัทและประกาศผู้ชนะแล้ว ที่ยังไม่ได้เซ็นสัญญาเพราะมีบริษัทอื่นทักท้วง เนื่องจากเปิดรับข้อเสนอแค่ 10 วัน จะบอกว่าไม่มีอะไรเลยก็ไม่ถูก


อย่างไรก็ตาม พิเชษฐ์ ขัดจังหวะว่า “จะอภิปรายเลยหรือไม่ จะได้ใช้เวลาของฝ่ายค้าน”


พริษฐ์ ชี้แจงว่า “ไม่ได้อภิปราย เป็นการใช้สิทธิ์พาดพิง ไม่เกิน 7.36 นาที เท่าที่ท่านใช้เมื่อคืน ถ้าจะหักเวลาก็ไม่มีปัญหา” ก่อนอภิปรายต่อไปว่า


3. รองประธานสภาฯ คนที่ 1 พูดว่า “งบประมาณยังไม่ผ่านสภาฯ จะทุจริตได้อย่างไร?” ผมขอชี้แจงว่าการทุจริตหรือเอื้อพวกพ้อง ไม่ใช่ความเลวร้ายเพียงแบบเดียวของการจัดงบประมาณ แต่การตั้งโครงการที่ไม่จำเป็นก็เป็นอีกความเลวร้ายหนึ่ง เพราะเป็นการนำภาษีของประชาชนมาใช้ในสิ่งที่ไม่เร่งด่วนและไม่เกิดประโยชน์สูงสุด เช่น การตกแต่งฉากหลังบัลลังก์ มูลค่า 133 ล้านบาท ถึงแม้จะมีการคัดเลือกโปร่งใส ได้ผู้รับเหมาราคาดี แต่ในมุมมองของผม ไม่ควรใช้แม้แต่บาทเดียวจากภาษีประชาชนเพื่อสิ่งนี้ เพราะมันไม่ได้ทำให้การประชุมมีประสิทธิภาพมากขึ้น



4. รองประธานสภาฯ คนที่ 1 กล่าวทิ้งท้ายเมื่อคืนว่า “ถ้าผมเก่งจริงก็ให้ไปตรวจสอบงบประมาณกระทรวงอื่น” ผมต้องบอกว่าผมทำหน้าที่ตรงนั้นอยู่แล้ว ตรวจสอบทุกบาททุกสตางค์ด้วยมาตรฐานเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยรับงบไหน หัวหน้าส่วนราชการเป็นใคร แต่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ผมจะมีความชอบธรรมในการตรวจสอบหน่วยงานอื่นได้อย่างไร ถ้าหน่วยงานต้นสังกัดของผมเอง ยังถูกตั้งคำถามเรื่องงบฯ ไม่สมเหตุสมผล นี่คือเหตุผลที่ผมให้ความสำคัญกับการตรวจสอบงบของสภาฯ และไม่ได้ละเลยการตรวจสอบหน่วยงานอื่นเช่นกัน


เมื่อวานท่านบอกว่าสิ่งที่ผมทำอาจทำให้สภาเสียหาย ผมยืนยันว่าการตั้งคำถามในฐานะตัวแทนประชาชนไม่ทำให้สภาเสียหาย แต่ถ้าผู้บริหารสภาไม่สามารถตอบคำถามที่ประชาชนสงสัยได้อย่างดีพอ จนประชาชนตั้งคำถามว่างบของสภาสมเหตุสมผลหรือไม่ อันนั้นต่างหากที่ทำให้สภาเสียหาย

พริษฐ์ วัชรสินธุ

ทำให้ พิเชษฐ์ ตอบโต้ทันทีว่า “ผมต้องขอบคุณนายชัย ชิดชอบ อดีตประธานรัฐสภา ที่ได้กล้าหาญตั้งงบประมาณสร้างรัฐสภาใหม่ จนมีที่อยู่อาศัยในวันนี้ ถ้าไม่มีนายชัยก็จะไม่มีสถานที่แห่งนี้ และตนต้องขอบคุณนายชวน หลีกภัย อดีตประธานรัฐสภา ที่ท่านกล้าหาญเข้ามาใช้สถานที่แห่งนี้ โดยที่ยังไม่ได้รับมอบ ใช้มาจน 5 ปี รวมถึงขอบคุณนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ที่ท่านกล้าหาญปรับปรุง ซ่อมแซม ต่อเติมสิ่งที่มันขาดไป”


พร้อมกล่าวต่อไปว่า “งบประมาณสร้างรัฐสภาแห่งนี้ ที่จริงแล้ว 2 หมื่นกว่าล้านบาท แต่ถูกตัดงบประมาณ ซึ่งงบประมาณแต่ละกระทรวง ทบวง กรม หรือของรัฐสภาก็เหมือนกัน กว่าจะถูกบรรจุในเล่มงบประมาณ 20,000 กว่าหน้านี้ ยากลำบากที่สุด ของรัฐสภาขอไป 10,000 กว่าล้านบาท อนุมัติมา 8,000 ล้านบาท แต่ก็ถูกตัด บางโครงการมีโครงการที่จะพัฒนาก็ไม่ได้เลยสักปี เพราะฉะนั้น ความยากลำบากที่เราได้มาในฐานะที่เป็นผู้บริหารของรัฐสภา ผมยืนยันปกป้องงบประมาณของสภาเต็มที่”


ท่านพริษฐ์ ท่านเป็นประธานกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองฯ เรามีกรรมาธิการติดตามงบประมาณฯ เรามีกรรมาธิการการตำรวจ มีกรรมาธิการ ป.ป.ช. ไม่มีปัญหา ถ้าจะตรวจสอบงบประมาณ ก็ไม่เป็นไร แต่ท่านได้เชิญเจ้าหน้าที่ของสภาฯ ไปชี้แจงงบประมาณของรัฐสภา ท่านเชิญเขาไป เขาเป็นข้าราชการตัวเล็กๆ ที่เลวร้ายที่สุด ท่านไลฟ์สดและตอนเจ้าหน้าที่ตอบไม่ได้ แล้วท่านก็เป็นพระเอก เป็นวีรบุรุษในโซเชียลฯ แล้วท่านก็ตัดต่อ ตัดตอน เอาไปลงใน Tiktok, YouTube เจ้าหน้าที่ตัวเล็กๆ เสียหายขนาดไหน กรรมาธิการ 35 คณะ ไม่มีคณะไหนที่ไลฟ์สดทุกนัด ก่อนจะไลฟ์สดประชุมกรรมาธิการต้องขออนุญาตที่ประชุม แล้วต้องไปเสียงส่วนใหญ่ด้วย ปกติกรรมาธิการถ้าจะเผยแพร่ข้อมูลได้ ต้องมีรับรองบันทึกการประชุมก่อน ถึงจะเผยแพร่ได้ ท่านรับผิดชอบได้หรือไม่ ความเสียหายที่เกิดขึ้น ทัวร์ลงเจ้าหน้าที่สภา เขาแทบจะแทรกแผ่นดินหนี ถ้าเอาไปถ่ายทอดเอาไปตัดคลิปก็ว่าไป อันนี้คือตัวอย่าง ผมไม่อยากจะตำหนิท่าน

พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน

พิเชษฐ์ ย้ำว่า “ขอให้บริสุทธิ์ใจการทำงานเพื่อประชาชน” พร้อมแนะนำว่า “ท่านก็ไปเป็นกรรมาธิการวิสามัญสิ ไปพิจารณาในห้องงบประมาณของสภาฯ”


พิเชษฐ์ ยังชี้นิ้วไปที่ฉากหลังบัลลก์ แล้วกล่าวว่า “แล้วฉากหลังบัลลังก์นี้ ท่านดูสิครับ ปกติมีงบประมาณอยู่แล้วแต่ถูกตัดไป ท่านดูสิครับ ปูนเปลือยอยู่อย่างนี้นะครับ แล้วมีเส้นขีดอยู่เต็มไปหมด ไม่ทำตอนนี้จะทำตอนไหน ไปทำรุ่นลูกรุ่นหลานอีก 100 ปีหรือ ผมไม่ได้เดือดร้อนอะไรนะครับถ้าไม่ทำ แต่มันเป็นศักดิ์ศรีของรัฐสภา ศักดิ์ศรีของสภาผู้แทนราษฎร ถ้ามันสวยมันดี เป็นหน้าเป็นตา เป็นเกียรติ วันนี้สภาผู้แทนราษฎรเป็นสภาที่เป็นเกียรติเป็นศักดิ์ศรีของประเทศ เป็นอันดับสองของโลก ถ้าทำที่จอดรถครบแล้วจะเป็นอันดับหนึ่งของโลก ใหญ่ที่สุด วันนี้ท่านไปเดินดูสิครับท่านพริษฐ์ เดินดูรอบสภาเลยครับ เดินดูวัดแก้วฟ้า ไปดูห้างสุพรีมสิครับ เต็มไปหมดครับ ไม่มีที่จอดรถครับ”


พิเชษฐ์ ระบุว่า “ตอนหมูกระทะ, สตง., ป.ป.ช. มาตั้งกรรมการตรวจสอบที่สภาฯ เลย เพราะฉะนั้น ท่านตรวจสอบได้ตลอดเวลา แต่เราจะต้องพัฒนาสมัย ที่สภาฯ เก่า อู่ทองใน มีโรงถ่ายภาพยนตร์บรรจุได้ 100-200 คน เด็กนักเรียน ชาวบ้านเขามาเยี่ยมชมสภาฯ ก็ฉายหนังให้ดูหนังประชาธิปไตย ประวัติความเป็นมาของรัฐสภา วันนี้จะทำเป็น 4D ที่ทันสมัย เพื่อรองรับคนที่มาเยี่ยมชม แขกบ้านแขกเมือง งบแค่ 8,000 ล้านบาท ฝ่ายนิติบัญญัติได้แค่เท่านี้ กว่าเราจะต่อสู้ถ้าท่านจะพูดต่อก็ได้ แต่ผมอยากจะให้เข้าใจว่าเราตั้งใจ อันไหนที่ชำรุดทรุดโทรม ไปดูเสาไม้สัก 4-5 ปีมานี้ เริ่มผุกร่อนแล้ว ถ้าไม่ตั้งงบประมาณบำรุงรักษาก็ใช้การไม่ได้”


จากนั้น พริษฐ์ กล่าวว่า ผมไม่ได้ล่วงเกินทำหน้าที่ตรวจสอบงบประมาณของกระทรวงอื่น เพราะพันธกิจของเราคือการพัฒนาการเมือง เรื่องการถ่ายทอดสดกรรมาธิการทุกครั้ง เราดำเนินการตามแนวปฏิบัติที่ได้มีการแจ้งมาจากทางเจ้าหน้าที่ ซึ่งเข้าใจว่าเป็นนโยบายของผู้บริหารสภามาอีกทีหนึ่ง ทุกครั้งมีการขอมติรับรองเป็นหลักฐานไว้แล้ว ส่วนที่บอกว่าตัดต่อคลิปลงโซเชียลฯ ผมก็รีบเปิดดูของผม ไม่มีการตัดต่อคลิปสั้นไปลงในโซเชียลมีเดียเลย และผมยืนยันมาตลอดว่าข้อดีอย่างหนึ่งของการถ่ายทอดสด คือ การดูคลิปเต็มได้ ไม่ใช่มีการถ่ายแค่บางส่วนของที่ประชุม แล้วเอามาลง


ส่วนที่บอกว่าเชิญเจ้าหน้าที่ตัวเล็กตัวน้อย, ผมเชิญเลขาธิการสภาฯ มา และครั้งแรกมีการมอบหมายหัวหน้าส่วนของสำนักแผนนโยบายมา แต่เขาตอบไม่ได้ว่า รายละเอียดของโครงการเป็นอย่างไร รอบที่สองถึงมีการเชิญเลขาธิการสภาฯ และมีการมอบให้หัวหน้าส่วนอื่นที่เกี่ยวข้องมา


ความจริงวันนั้นผมก็เอะใจแล้ว ผมเห็นว่าเรื่องมันใหญ่ตั้งแต่ต้น ผมก็เลยมีการถามไปว่าเชิญท่านประธานกับท่านรองที่เกี่ยวข้องมาด้วยเลยดีหรือไม่ แต่ได้รับแจ้งว่าท่านรองที่รับผิดชอบในส่วนนี้ติดภารกิจอยู่ต่างประเทศ ไม่เช่นนั้น ผมก็จะเชิญทางผู้บริหารมาแล้ว ซึ่งน่าจะตอบข้อสงสัยของผมให้ดีที่สุด และถ้าไปย้อนฟังวันนั้น ผมก็พูดชัด หลังจากที่เจ้าหน้าที่ชี้แจง เพียงแต่ผมก็รู้สึกว่าเจ้าหน้าที่ไม่ได้เชื่อตามที่ชี้แจงหรอก เพราะเขาไม่ได้เป็นต้นคิดของโครงการ เขาแค่มาชี้แจงและปกป้องตามหน้าที่ที่เขาได้รับมอบหมายมา

พริษฐ์ วัชรสินธุ

พริษฐ์ กล่าวต่อไปว่า ท่านอาจจะภูมิใจว่าสภาฯ ของเราใหญ่ที่สุดของโลก แต่ผมอยากจะบอกว่า มีงานวิจัยหนึ่งที่เขาเขียนมาว่า “ยิ่งห้องประชุมสภาฯ ในประเทศไหนมีขนาดใหญ่ มักจะเป็นประเทศที่คะแนนประชาธิปไตยไม่ค่อยสูงมากนัก” ขนาดของห้องประชุมจึงไม่ใช่สิ่งที่สำคัญที่สุด ส่วนเรื่องที่จอดรถ ผมก็ย้ำตลอด ไม่ได้บอกว่าที่จอดรถมันเพียงพอแล้วแต่แค่ผิดระเบียบตามที่กฎหมายกำหนด


ท่านมาพาดพิงผม ผมเลยต้องพูดในสภาฯ แต่ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะยื่นใบสมัครเป็นกรรมาธิการวิสามัญพิจารณางบประมาณปีนี้ และจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ จะทำให้ทุกคนเห็นว่าห้องประชุมที่เราใช้กันอยู่ 2-3 เดือน ไม่ได้มีอะไรที่เป็นปัญหาที่ต้องปรับปรุงถึง 120 ล้านบาท

พริษฐ์ วัชรสินธุ

ทำให้ พิเชษฐ์ ชี้แจงอีกครั้งว่า “ผมอยู่ต่างประเทศ ตั้งใจไว้ว่าเดี๋ยวจะหาเบอร์โทรท่าน แล้วจะเชิญท่านพริษฐ์ และ ภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน เดินไปกับผม และนักข่าวทุกช่อง งบฯ ปี 69 ผมจะอธิบายให้หมด และข้อผิดพลาดเรื่องที่จอดรถ ไม่ใช่ข้อผิดพลาด เป็นการตัดลดงบประมาณลงมา ดังนั้น เพื่อให้ก่อสร้างได้ เขาก็ตัดงบในส่วนที่ยังมีอนาคตที่จะทำได้ออกไป เพราะฉะนั้น เราตรวจสอบอดีตได้”

พิเชษฐ์ ยังได้เปิดคลิปภาพศาลาแก้วที่มีปัญหา พร้อมกล่าวว่า “ศาลาแก้ว, วันนี้เปลือยอยู่นิดหนึ่งและไม่มีใครเดินเข้าไป ซึ่งอนุสาวรีย์ของรัชกาลที่ 7 จะมาตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างศาลาแก้ว 2 หลัง ซึ่งวันที่เราเปิดอนุสาวรีย์ สภาพนี้อยู่ไม่ได้ ถึงต้องออกแบบให้มีน้ำพุ รั้วรอบขอบชิด ติดแอร์ให้แขกผู้มีเกียรติเข้ามาอยู่ ทุกวันนี้ไม้เปลือยๆ เริ่มพุพังลงมาแล้ว เป็นความจำเป็น เพราะฉะนั้น ต้นปีหน้าต้องเปิดแล้ว ลานสักการะทั้งหลายต้องจัดให้เรียบร้อยทั้งหมด”


เชิญท่านพริษฐ์ ไปเดินกับผม ทุกอย่างชี้แจงท่านหมดในเรื่องของสภาฯ ของเรา อย่างไรเราก็ต้องปรับปรุงให้ดีขึ้น

พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์