พิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาคนที่หนึ่ง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีพรรคประชาชน (ปชน.) เตรียมยื่นศาลรัฐธรรมนูญว่า พิเชษฐ์ทำผิดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 144 ใน พ.ร.บ.งบประมาณปี 69 พร้อมชี้แจงหรือไม่ว่า เป็นเรื่องของกระบวนการก็ว่ากันไป ทั้งนี้ ยังไม่ทราบ และยังไม่เห็นเรื่อง
พิเชษฐ์ ยืนยันอีกว่า โยกงบเพื่อนำโครงการไปกระจุกในพื้นที่จังหวัดของตัวเองไม่ได้หรอก ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน หากมีอะไรก็ขอให้ตรวจสอบกันไป พร้อมย้ำอีกว่า ไม่ได้หนักใจ ยื่นไปเลย
ส่วนประเด็นดังกล่าวจะบานปลายหรือไม่นั้น พิเชษฐ์ กล่าวว่า “ยินดีครับ ขอให้ตรวจสอบเลย ห้ามไม่ได้”
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาคืนหรือไม่ พิเชษฐ์ กล่าวว่า “ถ้าเราทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมายด้วยความบริสุทธิ์ใจ ผมไม่ห่วง ผมไม่กลัวอะไรทั้งนั้น ยินดี จะยื่นอะไรก็ยื่นไป”
ทั้งนี้ พิเชษฐ์ เปิดเผยระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า ได้นัด ภัณฑิล น่วมเจิม สส.กทม. พรรคประชาชน มาร่วมเดินตรวจสอบอาคารรัฐสภาในเวลา 10.00 น. เพื่อทำความเข้าใจถึงปัญหาและเหตุผลในการของบปรับปรุงอาคารรัฐสภา แต่เมื่อให้สัมภาษณ์เสร็จ ก็ได้รับแจ้งจากเลขาฯ ว่า ภัณฑิลได้ปฏิเสธนัดหมายดังกล่าว
พิเชษฐ์ จึงให้สัมภาษณ์ถึงการนัดหมายสื่อและ สส.พรรคประชาชน เพื่อเดินทัวร์รัฐสภาว่า หลังจากที่ได้มีการเชิญ พริษฐ์ วัชรสินธุ สส.พรรคประชาชน แต่ พริษฐ์ บอกว่า ไม่ว่าง ติดอภิปราย แต่ ภัณฑิล ซึ่งรับปากไว้ว่าจะมา แต่ล่าสุดแจ้งว่า ไม่มาแล้ว จึงต้องยกเลิกภารกิจเดินชมอาคารรัฐสภา
พิเชษฐ์ กล่าวว่า ส่วนตัวพร้อมที่จะตอบข้อซักถาม หากทั้งสองคนพร้อม จะยื่นตามช่องทางใดก็ยื่นไป อยากให้มาแต่อยากให้มาดูว่าสภาทำไมต้องใช้งบประมาณ ไม่ต้องเอาการเมืองมายุ่ง ยินดีให้ตรวจสอบทุกประเด็น “รออยู่นะครับ ให้ท่านทั้งสองมาเดินดู งบประมาณของรัฐสภา”
ส่วนการที่ 2 สส.พรรคประชาชนไม่มาตามนัดสะท้อนอะไรหรือไม่นั้น พิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ทราบ คนเราต้องขึ้นอยู่กับความจริง งบประมาณสภาฯ กว่าจะผ่านขึ้นมาอยู่ในงบประมาณปี 69 ถูกตัดหลายขั้นตอน สุทธิออกมาเท่านี้ เราต้องดูแลสภาฯ ให้ดูดีสมเกียรติ สมกับเป็นสถาบันนิติบัญญัติของประเทศ ยืนยันรับทุกเรื่องที่ร้องเรียนมา “นี่คืองบเล็กๆ 8,000 ล้านบาทของสภา”
เมื่อถามถึงการกล่าวหาว่ามีรองประธานสภาฯ ตั้งงบเอง ตัดเอง และโยกงบเอง พิเชษฐ์ ระบุว่า ก็ต้องไปคุยในรายละเอียด จะไปร้องเรียนที่ไหน ก็สอบสวนสืบสวนกันไป ไม่มีปัญหา แต่ตอนนี้ ไม่ทราบว่า เขาร้องเรียนในจุดไหน แต่งบทุกอันมีเหตุผลทั้งหมด และการบริหารของเจ้าหน้าที่ทำด้วยความรอบคอบและตระหนักถึงความจำเป็น
ส่วนทำไม 8,000 ล้านบาท ถึงใช้ว่าเป็นงบเล็กๆ นั้น พิเชษฐ์ กล่าวว่า หน่วยงานของนิติบัญญัติเป็นเสาหลักของประเทศเสาหนึ่ง เราได้งบประมาณ 8,000 กว่าล้านบาท เทียบกับกระทรวง ทบวง กรม อื่นๆ มันน้อยมาก สำหรับการเผยแพร่ประชาธิปไตย สำหรับสถาบันที่ประชาชนเลือกมา คิดว่ามันควรจะพร้อมกว่านี้ เป็นปากเป็นเสียงแทนประชาชน งบต่างๆ เพื่อความมั่นคง เพื่ออนาคตของฝ่ายนิติบัญญัติ
ทั้งนี้ หากในชั้นกรรมาธิการงบประมาณ เรียกไปชี้แจงกรณีดังกล่าวจะไปหรือไม่ พิเชษฐ์ กล่าวว่า ไม่ขอชี้แจง เพราะสภาฯ ไม่เหมือนกระทรวง ทบวง กรม ไม่มีรัฐมนตรี แล้วใครจะมาชี้แจงแทน เพราะเจ้าหน้าที่ก็ต้องทำงาน ไม่สามารถที่จะมาตอบโต้ได้ ถ้าพิเชษฐ์ไม่ชี้แจง สภาก็เสียหาย วงสภาก็เสียหาย คุณกล่าวหาแค่ฝ่ายเดียว ซึ่งคุณก็ไม่เข้าใจ ออกสื่อไป ทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติเสียหาย ซึ่งพิเชษฐ์ในฐานะที่เป็นผู้บริหารตรงนี้ ก็พยายามที่จะทำความเข้าใจกับสมาชิกเท่าที่จะทำได้
“ถ้าไม่พูดสภาเสียหาย แล้วจะไปต่อที่ไหนจะลงไปอยู่ข้างล่างก็ในฐานะสมาชิก มันไม่มีที่จะพูดคุย ไม่เป็นไรจะไปยื่นที่ไหนก็ไป ผมพร้อมจะไปตอบทุกที่”
— พิเชษฐ์ กล่าว
ส่วนที่พรรคประชาชนจะยื่นตามมาตรา 144 ของรัฐธรรมนูญ ต่อศาลรัฐธรรมนูญ กรณีอาจมีส่วนในการใช้งบประมาณรายจ่ายไม่ว่าโดยทางตรง หรือทางอ้อม พิเชษฐ์ กล่าวว่า ยินดี ยื่นก็ต้องไปชี้แจงไม่มีปัญหา และที่กล่าวหาว่า โยกงบฯ ไปลงพื้นที่ตนเองนั้น ขอยืนยันว่า ไม่สามารถทำได้ ทุกอย่างเป็นไปตามขั้นตอน และสามารถตรวจสอบได้ พร้อมยืนยันอีกว่า ไม่มีความหนักใจ
ส่วนจะมีความบานปลายไปถึงการตรวจสอบพฤติกรรมของพิเชษฐ์นั้น ก็ยินดีให้ตรวจสอบ เพราะห้ามไม่ได้
ขณะที่การยื่นครั้งนี้จะเป็นเกมการเมืองเพื่อเอาคืนหรือไม่นั้น พิเชษฐ์ ระบุว่า หากทำงานตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ด้วยความบริสุทธิ์ใจ ไม่ห่วงและไม่กลัวอะไรทั้งนั้น เพราะทำเพื่อส่วนรวม ความก้าวหน้า และความมั่นคง ยืนยันว่า ไม่มีปัญหา และยินดีให้ตรวจสอบทุกจุด ซึ่งงบประมาณของสภาฯ ที่ได้รับการจัดสรรแค่ 8,000 ล้านบาท และหากคณะกรรมาธิการงบประมาณ เห็นว่าราคาสูงเกินไป หรือไม่เหมาะสม ก็ขึ้นอยู่กับคณะกรรมาธิการที่จะปรับลด ซึ่งพิเชษฐ์มีหน้าที่ดูแล และบริหารรัฐสภา ย้ำว่า ไม่ห่วง มีความบริสุทธิ์ใจ ทำเพื่อประชาชน หากจะยื่นตรวจสอบอะไรก็สามารถทำได้