แม้ถึงคิวชี้ชะตา ‘คดียุบพรรคก้าวไกล’ แต่วันนี้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ก็เดินทางเข้าประชุมสภาผู้แทนราษฎร
โดยในช่วงที่เปิดให้สมาชิกหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชน พิธา ได้ลุกขึ้นหารือถึงปัญหาการบริหารจัดการน้ำ โดยชี้ให้เห็นว่า แม้รัฐบาลได้เริ่มทำไปบ้างแล้ว แต่คำพูดที่ว่า “หน้าแล้ง ขนน้ำไปหาคน หน้าฝน ขนคนหนีน้ำ” ก็ยังอยู่ในใจของพี่น้องประชาชนอยู่เสมอ
พร้อมเผยถึงข้อเสนอแนะ 3 เรื่อง ได้แก่
1. ความผันผวนของสภาพภูมิอากาศจากต้นปี 2567 ที่ประเทศไทยเราประสบกับปรากฏการณ์เอลนีโญ ที่ทำให้เกิดภัยแล้ง ภัยร้อน จนผลผลิตภาคการเกษตรของเราหลายประเภทได้รับผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นผลไม้ หรือไม้ดอก ที่ลดลง 9% ธัญพืชที่ลดไปถึง 12% แต่เมื่อเข้าไตรมาสที่สาม เราจะเริ่มเห็นปรากฏการณ์ลานีญา ที่มีปริมาณฝนตกชุกมากในหลายพื้นที่ใน 37 จังหวัด และในหลายพื้นที่เกิดน้ำท่วมทันที ภายหลังหลังจากที่ฝนตกหนักภายหลัง 24 - 36 ชั่วโมง ฉะนั้น การเฝ้าระวัง-การเตือนภัยจึงมีความสำคัญเป็นอย่างมาก
2. การเยียวยาภัยน้ำท่วม เป็นข้อเสนอแนะว่า การเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างทันท่วงที เพราะเมื่อประชาชนได้รับผลกระทบ เขาต้องแบกรับค่าใช้จ่ายที่ไม่ได้ถูกวางแผนมาก่อน ทั้งค่าขนส่ง ค่าเช่าบ้าน ค่าซ่อมแซม หรือซื้อข้าวของเครื่องใช้ทำมาหากินใหม่ ถือเป็นการใช้เงินอย่างฉุกเฉิน ซึ่งอุบัติเหตุทางธรรมชาติครั้งหนึ่งต่อประชาชนอาจนำไปสู่อุบัติเหตุทางการเงินในระยะยาว ที่เยียวยาได้ยาก
3. การจัดการปัญหาความเหลื่อมล้ำ ผ่านการแก้ไขปัญหาคุณภาพและสิทธิ์ในการเข้าถึงน้ำสะอาด โดยสัดส่วนของครัวเรือนที่ไม่สามารถเข้าถึงน้ำประปาในเขตชนบทมีถึง 12.8% ในเขตเมืองมี 3.3% ส่งผลให้ครัวเรือน 20% ที่ยากจนที่สุดในประเทศ กลับต้องซื้อน้ำดื่มบรรจุขวดมาดื่มเกือบ 75%
ดังนั้น รัฐบาลต้องให้ความสำคัญกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับน้ำทั้งหมด รวมถึงร่าง พ.ร.บ.ของพรรคก้าวไกล ที่เคยได้นำเสนอไว้ เพราะเราตั้งใจให้รัฐบาลมีอำนาจในการแก้ปัญหาเรื่องนี้อย่างเต็มที่ เพื่อพี่น้องประชาชน
พิธา ลิ้มเจริญรัตน์

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลัง พิธา อภิปรายเสร็จ บรรดา สส.พรรคก้าวไกล ต่างเข้ามาถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกันกับ พิธา เพื่อเป็นที่ระลึก ก่อนที่เจ้าตัวจะเดินออกจากห้องประชุมสภาฯ ไปทันที ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล
ทั้งนี้ ศาลรัฐธรรมนูญนัดอ่านคำวินิจฉัยในคดียุบพรรคก้าวไกล ในเวลา 15.00 น.