









4 พ.ค. 66 พรรคก้าวไกล จัดกิจกรรมแจกใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต ทั้ง 400 เขต พร้อมเปิดป้ายหาเสียงแบบ เทคโนโลยี AR เพื่อให้เข้าถึงประชาชนกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองให้มากขึ้น
ที่ บริเวณ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อมผู้สมัครในพื้นที่ ได้จัดกิจกรรมแจกใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต ทั้ง 400 เขต พร้อมเปิดป้ายหาเสียงแบบ เทคโนโลยี AR (Augmented reality) เพื่อให้เข้าถึงประชาชนกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองให้มากขึ้น
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงแม่ยกวัยกลางคนจนถึงคนสูงอายุ มารอพบพิธา ก่อนเริ่มกิจกรรมประมาณ 1 ชั่วโมง และทันทีที่พิธามาถึงกลุ่มแฟนคลับได้วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย พร้อมตะโกนส่งเสียงเชียร์
ช่วงหนึ่ง พิธา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน อธิบายเหตุผลที่นำเทคโนโลยี AR ขึ้นมาเพราะต้องการลดความสับสนของประชาชน และอยากให้ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จำเบอร์พรรคได้ และถือเป็นการสร้างความเข้าใจให้ประชาชน
“พี่น้องประชาชนฝากมาบอกหลายครั้ง โดยเฉพาะพ่อแก่แม่เฒ่าว่ามีความสับสน อยากเลือกพรรคก้าวไกลแต่กลัวผิดพรรค... ในระยะสั้นก็ต้องแก้เกมกันแบบนี้ แต่ในระยะยาว คิดว่าประชาธิปไตยจะมีประโยชน์ หากทำให้การเลือกตั้งสะดวกต่อพี่น้องประชาชน”
ส่วนผลสำรวจความนิยมที่พรรคก้าวไกลตีอันดับดีขึ้นมาสูสีกับพรรคเพื่อไทย พิธา มองว่าพรรคก้าวไกล ต้องไม่แผ่วในช่วงโค้งสุดท้าย และตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 10 วัน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ดังนั้นจะแผ่วไม่ได้
พิธา ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นแก่นนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะเรามาไกลกันถึงขนาดนี้แล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการวางแผนเตรียมตัวเพื่อความชัดเจน ทำให้เรามาไกลถึงขนาดนี้ และยังย้ำจุดยืนเดิมว่า ‘มีลุงไม่มีเรา’ และเชื่อว่าการสาดโคลนการเมืองใส่กันในช่วงนี้ ไม่ได้ช่วยอะไร
ส่วนภาพรวมการทำงานของ กกต. พิธา มองว่าการเลือกตั้งต้องสะดวกและง่าย แต่ตอนนี้คนสับสนกันจำนวนมาก หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับจดหมายจาก กกต. จึงฝาก กกต. ให้ช่วยเร่งดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิจริงๆ หากประชาชนไม่ได้ใช้สิทธิเพราะความหละหลวมของ กกต. ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติออกมาบอกว่ากระแสพรรคก้าวไกลมาจาก IO พิธา ยืนยันว่ากระแสพรรคก้าวไกลทั้งในโซเชียลมีเดีย และเวทีปราศรัยต่างๆ ที่คนแห่มาให้กำลังใจล้นหลาม เช่นที่บางแสนเมื่อวานนี้ คือคะแนนธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการระดมหรือจัดตั้ง หรือเป็น IO เหมือนที่บางพรรคการเมืองกล่าวหา
“เราก็เห็นทุกครั้งไม่ได้เป็น IO และไม่ได้เป็นประชาชนที่อยู่ในโซเชียล แต่เค้าต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เดี๋ยวผมจะรวบรวมเอาจดหมายที่ได้รับแล้วถ่ายรูปส่งให้ทุกคนดูว่ามีเยอะขนาดไหน”
เมื่อถามว่ามีกระแสวิจารณ์จุดยืนของพรรค กรณีที่ พิธา ติดสติกเกอร์ยกเลิก ม.112 แต่กลับบอกว่าจะแก้ไข พิธา ยืนยันว่าเขามีจุดยืนคือแก้ไข เราทำก่อนที่จะพูดในปี 2564 ที่ยื่นในสภาฯ ก็เขียนชัดเจนว่าแก้ไข เพื่อเป็นทางสายกลาง ทำให้เกิดฉันทามติในสังคมให้ได้ แต่หากไม่แก้ไข สภาไม่ทำงาน เกรงว่าจะไปถึงขั้นยกเลิก
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าไม่ได้เป็นการเอาใจแกนนำม็อบใช่หรือไม่ พิธา ชี้แจงว่า เป็นการแสดงความเข้าใจเขา
ที่ บริเวณ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ พรรคก้าวไกล นำโดย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรค พร้อมผู้สมัครในพื้นที่ ได้จัดกิจกรรมแจกใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.แบบเขต ทั้ง 400 เขต พร้อมเปิดป้ายหาเสียงแบบ เทคโนโลยี AR (Augmented reality) เพื่อให้เข้าถึงประชาชนกลุ่มคนรุ่นใหม่ในเขตเมืองให้มากขึ้น
โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคักมีกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไปจนถึงแม่ยกวัยกลางคนจนถึงคนสูงอายุ มารอพบพิธา ก่อนเริ่มกิจกรรมประมาณ 1 ชั่วโมง และทันทีที่พิธามาถึงกลุ่มแฟนคลับได้วิ่งเข้าไปขอถ่ายรูปด้วย พร้อมตะโกนส่งเสียงเชียร์
ช่วงหนึ่ง พิธา ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน อธิบายเหตุผลที่นำเทคโนโลยี AR ขึ้นมาเพราะต้องการลดความสับสนของประชาชน และอยากให้ประชาชนทุกพื้นที่ทั่วประเทศ จำเบอร์พรรคได้ และถือเป็นการสร้างความเข้าใจให้ประชาชน
“พี่น้องประชาชนฝากมาบอกหลายครั้ง โดยเฉพาะพ่อแก่แม่เฒ่าว่ามีความสับสน อยากเลือกพรรคก้าวไกลแต่กลัวผิดพรรค... ในระยะสั้นก็ต้องแก้เกมกันแบบนี้ แต่ในระยะยาว คิดว่าประชาธิปไตยจะมีประโยชน์ หากทำให้การเลือกตั้งสะดวกต่อพี่น้องประชาชน”
ส่วนผลสำรวจความนิยมที่พรรคก้าวไกลตีอันดับดีขึ้นมาสูสีกับพรรคเพื่อไทย พิธา มองว่าพรรคก้าวไกล ต้องไม่แผ่วในช่วงโค้งสุดท้าย และตอนนี้ยังเหลือเวลาอีก 10 วัน เรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ดังนั้นจะแผ่วไม่ได้
พิธา ยังมั่นใจว่าพรรคก้าวไกลจะเป็นแก่นนำจัดตั้งรัฐบาลได้ เพราะเรามาไกลกันถึงขนาดนี้แล้ว อะไรก็เกิดขึ้นได้ เพราะฉะนั้นการวางแผนเตรียมตัวเพื่อความชัดเจน ทำให้เรามาไกลถึงขนาดนี้ และยังย้ำจุดยืนเดิมว่า ‘มีลุงไม่มีเรา’ และเชื่อว่าการสาดโคลนการเมืองใส่กันในช่วงนี้ ไม่ได้ช่วยอะไร
ส่วนภาพรวมการทำงานของ กกต. พิธา มองว่าการเลือกตั้งต้องสะดวกและง่าย แต่ตอนนี้คนสับสนกันจำนวนมาก หลายพื้นที่ยังไม่ได้รับจดหมายจาก กกต. จึงฝาก กกต. ให้ช่วยเร่งดำเนินการ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้สิทธิจริงๆ หากประชาชนไม่ได้ใช้สิทธิเพราะความหละหลวมของ กกต. ก็เป็นเรื่องน่าเสียดาย
ส่วนที่พรรครวมไทยสร้างชาติออกมาบอกว่ากระแสพรรคก้าวไกลมาจาก IO พิธา ยืนยันว่ากระแสพรรคก้าวไกลทั้งในโซเชียลมีเดีย และเวทีปราศรัยต่างๆ ที่คนแห่มาให้กำลังใจล้นหลาม เช่นที่บางแสนเมื่อวานนี้ คือคะแนนธรรมชาติ ไม่ได้เกิดจากการระดมหรือจัดตั้ง หรือเป็น IO เหมือนที่บางพรรคการเมืองกล่าวหา
“เราก็เห็นทุกครั้งไม่ได้เป็น IO และไม่ได้เป็นประชาชนที่อยู่ในโซเชียล แต่เค้าต้องการการเปลี่ยนแปลงจริงๆ เดี๋ยวผมจะรวบรวมเอาจดหมายที่ได้รับแล้วถ่ายรูปส่งให้ทุกคนดูว่ามีเยอะขนาดไหน”
เมื่อถามว่ามีกระแสวิจารณ์จุดยืนของพรรค กรณีที่ พิธา ติดสติกเกอร์ยกเลิก ม.112 แต่กลับบอกว่าจะแก้ไข พิธา ยืนยันว่าเขามีจุดยืนคือแก้ไข เราทำก่อนที่จะพูดในปี 2564 ที่ยื่นในสภาฯ ก็เขียนชัดเจนว่าแก้ไข เพื่อเป็นทางสายกลาง ทำให้เกิดฉันทามติในสังคมให้ได้ แต่หากไม่แก้ไข สภาไม่ทำงาน เกรงว่าจะไปถึงขั้นยกเลิก
ผู้สื่อข่าวถามย้ำว่าไม่ได้เป็นการเอาใจแกนนำม็อบใช่หรือไม่ พิธา ชี้แจงว่า เป็นการแสดงความเข้าใจเขา