วันนี้ (5 ก.พ.) หลังศาลแขวงดุสิต มีคำพิพากษาตัดสิน อดีต 5 แกนนำพรรคอนาคตใหม่ คดีจัดชุมนุมแฟลชม็อบ บริเวณสกายวอร์ก เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ ในช่วงเวลา 17.00 - 18.00 น. เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62 ว่าเป็นการกระทำที่ผิดต่อ พ.ร.บ.การชุมชนสาธารณะ และ พ.ร.บ.ควบคุมการโฆษณาฯ เนื่องจากไม่แจ้งให้เจ้าหน้าที่ทราบล่วงหน้า โดยพิพากษาจำคุก 4 เดือน ปรับ 20,200 บาท โดยให้รอลงอาญา 2 ปี
ล่าสุด ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ ที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ‘ปิยบุตร แสงกนกกุล’ เลขาธิการคณะก้าวหน้า ซึ่งเป็นจำเลยในคดีนี้ พร้อมด้วย ‘กฤษฎางค์ นุตจรัส’ ทนายความ ได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าว ยืนยันจะยื่นอุทธรณ์ต่อสู้คดี
‘พิธา’ มั่นใจว่าคำพิพากษาวันนี้ ไม่ทำให้พรรคก้าวไกลเสียเครดิตทางการเมือง เพราะเชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ และส่วนตัวตอนนี้อยากโฟกัสที่การทำงานในสภาฯ เพราะสัปดาห์หน้ามีอภิปรายเรื่องปัญหาประมง ส่วนประเด็นที่จะยื่นอุทธรณ์ เบื้องต้นคิดน่าจะมีเรื่องความคาดเคลื่อนของระยะการชุมนุม ที่ศาลมองว่าเป็นการเข้าใกล้เขตพระราชฐาน
ขณะที่ ‘ปิยบุตร’ มองว่าคดีนี้มีหลายประเด็นที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อ พร้อมยก ‘คดีปิดสนามบิน’ ขึ้นมาเทียบเคียงว่าคดีดังกล่าวส่งผลกระทบในหลายเรื่องอย่างมาก มีความผิดชัดเจน แต่ศาลพิจารณาสั่งปรับคนละ 20,000 บาท และไม่มีโทษทางอาญา ขณะที่คดีแฟลชม็อบเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 62 เป็นการชุมนุมที่ใช้เวลาไม่นาน ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อคนจำนวนมากเหมือนคดีปิดสนามบิน แต่ศาลกลับมีคำพิพากษาจำคุก 4 เดือน ปรับ 20,200 บาท มองว่าเป็นการลงโทษที่ไม่เหมาะสม จึงจำเป็นที่ต้องยื่นอุทธรณ์เพื่อให้เกิดเป็นบรรทัดฐานของสังคม
ส่วนเรื่องความเหมาะสมของกฎหมายอยากให้ พรรคก้าวไกลนำไปพิจารณาต่อในสภาฯ ด้าน ‘กฤษฎางค์’ ทนายความ มองว่าคำพิพากษาของศาลไม่ได้ผิดปกติ เพียงแต่ส่วนตัวรับไม่ได้ เนื่องจากมีหลายประเด็นที่เห็นแย้ง และที่ผ่านมาเคยมีคดีเทียบเคียงว่าการแจ้งชุมนุมผ่านโซเชียลมีเดีย หากเจ้าหน้าที่ตำรวจรับทราบแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำหนังสือขออนุญาตการชุมนุม เพราะถือว่ารับทราบแล้ว โดยทีมกฎหมายจะนำข้อสังเกตต่างๆ ไปยื่นอุทธรณ์เพื่อต่อสู้คดีต่อไป
