‘พิธา’ เมิน ‘ทักษิณ’ บอก ปชน.ไม่ใช่คู่แข่ง

25 ม.ค. 2568 - 09:26

  • ‘พิธา’ โว ได้คนถูกฝาตัวถูกตัว อบจ.ปชน. เชื่อแก้ปัญหา ‘ฝุ่น-ไฟ-ฝน’ ได้

  • เมิน ‘ทักษิณ’ ที่บอก ‘ประชาชน’ ไม่ใช่คู่แข่ง ยันพร้อมแข่งกับทุกพรรค ย้ำ เอาประชาชนเป็นตัวตั้งอยู่แล้ว

pita_pm25_dust_25jan2025_SPACEBAR_Hero_59ae190eb2.jpg

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง พรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงช่วยนายก อบจ.ระยองว่า ยังดีใจที่ชาวระยองไม่ลืมกัน และก่อนหน้าได้ลงพื้นที่อ.แกลง และอ.เขาชะเมา เป็นพื้นที่ของ พงศธร ศรเพชรนรินทร์ สส.ระยอง พรรคประชาชน ที่เคยมีการเลือกตั้งซ่อม และได้รับความไว้วางใจ กลับมาครั้งก็ยังได้พบปะประชาชน ส่วนอีกพื้นที่ไปยังวัดหนองพะวา พื้นที่ของ ชุติพงศ์ พิภพภิญโญ สส.ระยอง พรรคประชาชน ที่มีปัญหาเรื่องกากอุตสาหกรรมของโรงงานวินโพสเสส ซึ่งนอกจากจะมาหาเสียง ยังมาฟังเสียงของประชาชนว่า มีการเคลื่อนย้ายกากอุตสาหกรรมแล้วหรือไม่ 

ส่วนความคาดหวังในเก้าอี้นายก อบจ.ระยองนั้น พิธา กล่าวว่า พื้นที่ตั้งแต่ตราด ไปจนถึงถนนบางนา - ตราด ยกเว้นที่พลาดเก้าอี้ สส.ชลบุรี ไป 3 เขต ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ พรรคก้าวไกลพยายามทำงานมาอย่างเต็มที่ ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง นอกจากมาฟังหาเสียงให้ผู้สมัครนายก อบจ. ยังมาฟังเสียงประชาชนว่า ตลอด 1-2 ปีที่ผ่านมา สส.ที่ได้รับเลือกมา ทำงานเป็นอย่างไร และได้ให้กำลังใจด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงนี้ ทั้งในระดับประเทศ และระยองที่อยู้ในภาคตะวันออก และมีพื้นที่ใกล้กับประเทศเพื่อนบ้าน ก็รู้สึกดีใจที่มี ทรงธรรม สุขสว่าง ผู้สมัครนายกอบจ.ระยอง พรรคประชาชน อดีตข้าราชการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นผู้ทรงคุณวุฒิ และเรียนจบด้านนี้มาโดยตรง ในเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน 

พิธา กล่าวต่อว่า ฝุ่นคือ PM 2.5 ที่มาจากโรงงานในระยอง ไฟคือ ไฟที่เกืดขึ้นในพื้นที่ที่ทำให้เกิดฝุ่น ฝน คือ เรื่องน้ำท่วมระยองบ่อยๆ ก็รู้สึกว่า ได้คนที่มีโอกาสจะได้เป็นผู้สมัครนายกอบจ. ที่เชี่ยวชาญสิ่งแวดล้อมดีที่สุด เท่าที่ไทยจะหาได้สำหรับจังหวัด ซึ่งก็จะทำให้เห็นว่า การแก้ไขเรื่องสิ่งแวดล้อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับจังหวัดใดจังหวัดหนึ่ง แต่มีตั้งแต่ระดับนานาชาติอย่างอาเซียน ระดับประเทศอย่างเรื่องนโยบาย กฎหมายต่างๆ และระดับท้องถิ่น ซึ่งท้องถิ่นนั้นก็มีภาระหน้าที่ งบประมาณในการแก้ไขปัญหานี้ได้ พร้อมยกตัวอย่าง เช่น การขนย้ายสารเคมีที่อาจจะทำให้ฝุ่นฟุ้ง สส.พรรคประชาชน จึงมีการขับเคลื่อน กฎหมายปลดปล่อยและเคลื่อนย้ายมลพิษ หรือ PRTR ในสภา ซึ่งจะส่งผ่านอำนาจกลับมาให้ท้องถิ่น ได้บริหารจัดการ และต่างคนต่างทำหน้าที่ แต่สามารถบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมร่วมกันได้ จึงเห็นว่า มาถูกที่ถูกทางมาในพื้นที่ระยอง ที่มีอุตสาหกรรมเยอะ แต่อยู่ไกลกับประเทศเพื่อนบ้านที่มีการเผาเยอะ จะได้เป็นทางเลือกในการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งตนก็มองว่า ระยองเป็นพื้นที่เหมาะสมจะลงพื้นที่ในวันนี้แล้ว 

พิธา ยังระบุถึงการตื่นตัวออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งว่า เมื่อดูตัวเลข การเลือกตั้งใหญ่เมื่อปี 2562 และ 2566 มีผู้มาใช้สิทธิ์ประมาณ 75-76 เปอร์เซนต์ แต่เมื่อมาเป็นการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านไปแล้ว ซึ่งอาจจะอนุมานไม่ได้ เพราะมีนายก อบจ.ชิงลาออกก่อน แต่บางพื้นที่ เช่นชัยภูมิ ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 เปอร์เซนต์ อุทัยธานี ผู้มาใช้สิทธิ์ 30 กว่าเปอร์เซนต์ หรือเยอะที่สุดที่ราชบุรี ผู้มาใช้สิทธิ์ 66 เปอร์เซนต์ ซึ่งการที่มีผู้มาใช้สิทธิ์ 30-50 เปอร์เซนต์ ก็คงจะไม่เป็นผลดีกับระบบประชาธิปไตยที่มาจากการเลือกตั้ง และหากในทุกพื้นที่มีผู้มาใช้สิทธิ์น้อยก็อาจจะทำให้ มีโอกาสในการควบคุมการเลือก หรือมีการขนคนไปได้ ซึ่งก็อาจจะมีความเป็นไปได้ในการเมืองไทยแบบนั้น มองว่า เป็นสิ่งที่น่ากลัว ถือเป็นแรงเฉื่อยทางการเมืองที่รู้สึกว่า การเมืองท้องถิ่นไม่ได้มีสมรรถนะในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้ ซึ่งในเชิงรัฐศาสตร์นั้นเป็นสิ่งที่น่ากลัว และถูกพูดถึงในหลายประเทศเพราะคนไปใช้สิทธิ์น้อยลง ซึ่งเป็นมีเทรนด์ที่น่ากังวล ได้รับการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ใช้สิทธิ์ล่วงหน้าไม่ได้ และการใช้สิทธิ์นอกเขตไม่ได้ รวมทั้งการประชาสัมพันธ์ก็อาจจะไม่คึกคักเท่าที่ควร ทั้งที่การเลือกตั้งนายกอบจ.ถือว่า เป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง และมีงบประมาณมากมายมหาศาลจากภาษีประชาชน จึงขอให้พ่อเมืองที่มีความใกล้ชิดกับปัญหาได้แก้ไข อย่างพื้นที่ระยองได้เลือกผู้สมัครที่มีความเชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม เพราะฉะนั้นเรื่องฝุ่น ไฟ ฝน ที่รบกวนจิตใจชาวระยองมาเป็นเวลานาน ก็หวังจะได้นายก อบจ. สิ่งแวดล้อมตัวจริงเสียงจริงได้เข้ามาแก้ไขปัญหา

เมื่อถามว่า กกต.จะมีการจัดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งอบจ.ใหญ่ในวันที่ 28 มกราคมนี้ จะสร้างความตื่นตัวให้กับประชาชนได้ทันหรือไม่ พิธา เห็นว่า กกต. น่าจะลงพื้นที่ซ้ำๆ ย้ำๆ ทุกสัปดาห์ 3-4 สัปดาห์ในช่วงโค้งสุดท้าย ควรจะมีการประชาสัมพันธ์ก่อนหน้านี้ และเน้นให้เห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่น

พร้อมทั้งขอย้ำไปกับทางกกต. เรื่องของความเท่าเทียมและชัดเจน รวมทั้งการลงรายละเอียดของบางพื้นที่ ที่หมึกดันมาหมดที่ผู้สมัครคนใดคนหนึ่ง หมายเลขไม่ชัด ประวัติไม่ชัด หรือของคนอื่นชัดกว่า จึงขอให้กกต.ต้อง ลงรายละเอียดให้มาก และทำงานให้เร็วกว่านี้

ทั้งนี้ที่ ทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวถึงพรรคประชาชน ขณะลงพื้นที่หาเสียงช่วยผู้สมัครนายกอบจ.พรรคเพื่อไทยว่า พรรคประชาชนไม่ได้เป็นคู่แข่งนั้น พิธา บอกว่า พรรคประชาชนก็ลงแข่งในแนวทางของพรรคประชาชน ซึ่งในมุมที่ทักษิณพูดนั้น เป็นเรื่องศรีสะเกษไม่มีคนของพรรคประชาชนลงสมัครมากกว่า ไม่ได้พาดพิงไปถึงทุกจังหวัด แต่ที่ศรีสะเกษนั้น ทักษิณก็พูดถูก เพราะพรรคประชาชนไม่ได้ส่งผู้สมัคร ก็เลยเป็นการแข่งระหว่างพรรคภูมิใจไทยกับพรรคเพื่อไทย แต่ส่วนตัว ในฐานะอดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล และผู้ช่วยหาเสียง ยืนยันว่า พรรคประชาชนพร้อมที่จะแข่งกับทุกพรรค และจะเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้งอยู่แล้ว

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์