‘พิธา’ ยัน ‘ก้าวไกล' ไม่ฉวยโอกาส กรณี 'บุ้ง' เสียชีวิต

19 พ.ค. 2567 - 04:32

  • ’พิธา‘ วอนสังคมตั้งสติ รอฟังข้อเท็จจริง ปม ’บุ้ง‘ เสียชีวิต พร้อมสื่อสารนักกิจกรรม-เยาวชน เอาชีวิตตัวเองก่อนการต่อสู้ ยัน ’ก้าวไกล‘ ไม่ได้ฉกฉวย หวังผลการเมือง บอกเป็นห่วง ’ตะวัน‘

Pitha-interview-at-the-Big-Bang-event-of-Move-Forward-Party-SPACEBAR-Hero.jpg

19 พฤษภาคม 2567 ‘พิธา ลิ้มเจริญรัตน์’ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ ในฐานะประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณี การเสียชีวิตของ ‘เนติพร เสน่ห์สังคม’ หรือ ‘บุ้ง ทะลุวัง’ ว่าจะมีข้อเรียกร้องไปยังฝ่ายที่เกี่ยวข้องอย่างไรบ้าง ว่า เมื่อวานก็ได้เรียกร้องไปที่กรมราชทัณฑ์ให้เปิดเผยข้อเท็จจริง เกี่ยวกับเนติพรอย่างโปร่งใส เพราะหากยังไม่ชัดเจน และเข้าใจผิด ก็จะทำให้เกิดความบาดหมางในสังคมมากขึ้นไปอีก ตนเองก็เคารพ ‘กฤษฎางค์ นุตจรัส’ และเนื้อหาที่ได้แถลง แต่ก็ต้องการข้อมูลที่แท้จริงจากทางแพทย์ และข้อมูลการรักษาจากกรมราชทัณฑ์ด้วย 

ส่วนที่มีข้อมูลว่าเสียบท่อเครื่องช่วยหายใจผิดเข้าไปในหลอดอาหาร แทนที่จะเป็นหลอดลม พิธา ระบุว่า ขอให้สังคมตั้งสติ และตนรับฟังมาว่า ‘พันตำรวจเอกทวี สอดส่อง’ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม จะเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวต่อครอบครัวของนางสาวเนติพรในวันพรุ่งนี้ (20 พฤษภาคม 2567) ซึ่งถ้าหากทางครอบครัวไม่ติดอะไรเปิดเผยข้อมูลนี้ออกมา ก็คงจะได้ทราบข้อเท็จจริง 

ขณะที่กรณีดังกล่าว สังคมตั้งข้อสงสัยว่าถูกโยงเข้ากับคดีมาตรา 112 พิธา ระบุว่า ต้องแยกออกจากกันว่าการแก้ไขมาตรา 112 หรือการปฏิรูปสถาบัน ก็เป็นหนึ่งในสิ่งที่นางสาวเนติพรเรียกร้อง ส่วนเหตุที่ทำให้นางสาวเนติพรต้องอดอาหารเป็นเวลานาน เป็นเรื่องของการเข้าถึงสิทธิการประกันตัว น่าจะเป็นสาเหตุที่ทำให้นางสาวเนติพร และอีก 2 - 3 คนอดอาหาร มากกว่าจะเป็นเรื่องมาตรา 112  

พิธา ยังระบุว่า ตนเองพูดแทนนางสาวเนติพรไม่ได้ แต่เชื่อว่านางสาวเนติพรต่อสู้เพื่อเพื่อน หรือคนที่มีความคิดแบบเดียวกัน คือความเสมอภาคต่อหน้ากฎหมาย และสิทธิ์ในการประกันตัว รวมถึงการฝากขัง และเข้าถึงทนาย 

ขณะที่เหตุใด สส. ก้าวไกล เพิ่งออกมาแสดงท่าทีหลังการเสียชีวิตเป็นการฉกฉวยโอกาสทางการเมืองหรือไม่ พิธา ระบุว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน การเคลื่อนไหวของกลุ่มเยาวชน ไม่ว่ากลุ่มไหนก็มีอิสระเป็นของตนเอง ไม่ได้ยึดโยงกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง พรรคก้าวไกลเชื่อในหลักนิติรัฐ นิติธรรม และหลักการสันนิษฐานไว้ก่อนว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ เรื่องพวกนี้เป็นเรื่องสากลที่เชื่อในบริบทประชาธิปไตยอยู่แล้ว ดังนั้น ไม่ได้หมายความว่า พรรคก้าวไกล กับคนหนุ่มสาว เห็นไปในทางเดียวกันทุกเรื่อง แม้ว่าจะเป็นฝั่งตรงกันข้าม แล้วถูกคุมขังโดยไม่ได้พิจารณา พรรคก้าวไกลก็จะออกมาพูดเหมือนกัน พร้อมย้ำว่าไม่ได้เป็นการฉกฉวยเอาผลประโยชน์ทางการเมือง ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัวพวกเราอยู่แล้ว เราให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า 

พิธา กล่าวต่อว่า มีข้อเรียกร้อง ดังนี้ 1) ความโปร่งใสชัดเจนจากทางกรมราชทัณฑ์ 2) ทางตำรวจและอัยการ ให้ตอบสนองนโยบายจากรัฐบาล ในการไม่เอาผิดจากผู้เห็นต่างทางการเมือง และชะลอคดีความ โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรี ที่กำกับดูแลตำรวจโดยตรง ซึ่งถือเป็นต้นน้ำของการแก้ไขปัญหากระบวนการยุติธรรม 3) การนิรโทษกรรมคดีการเมือง ซึ่งถือเป็นปลายน้ำของการแก้ปัญหา ต้องเร่งผลักดันให้เร็วที่สุด ไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งออกไป โดยเฉพาะอนาคตของชาติ ต้องไม่ให้เขาต้องเอาชีวิตมาเสี่ยงอีกต่อไป 

พิธา กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม พรรคก้าวไกลได้พยายามสื่อสารพูดคุยกับกลุ่มนักเคลื่อนไหวและเยาวชน ตั้งแต่ 2-3 ปีที่แล้ว ว่าให้คิดถึงชีวิตตัวเองก่อน แต่เราก็ไม่สามารถก้าวก่ายความเด็ดเดี่ยวของเขาได้ ทั้งนี้ ตนไม่รู้จักพวกเขาเป็นการส่วนตัว แต่หากมีโอกาสได้พบ จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อน เพราะการต่อสู้ยังอีกยาวนาน แต่จะฟังหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของเขา 

นอกจากนี้ พิธา ยังกล่าวถึงกรณีที่ ‘ทานตะวัน ตัวตุลานนท์’ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ย้ายออกจากโรงพยาบาลธรรมศาสตร์ กลับมาที่เรือนจำว่า ตนเห็นจากข่าวแล้ว เข้าใจว่า ทานตะวันคงจะเสียใจที่สูญเสียเพื่อน แต่ชีวิตตัวเองก็สำคัญ ส่วนตัวเป็นห่วง จึงขอฝากพ่อแม่ของ ทานตะวัน ให้ดูแลด้วย

เรื่องเด่นประจำสัปดาห์